มะเร็งกระเพาะอาหาร รู้ให้ทัน ก่อนจะสาย
มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งอาจละเลยสัญญาณเตือนสำคัญจนกว่าจะเข้าสู่ระยะลุกลาม การรู้เท่าทันโรคนี้และใส่ใจตรวจสุขภาพจึงเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันและรักษาให้ทันเวลา
มะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach Cancer หรือ Gastric Cancer) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุผิวกระเพาะอาหารจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง โรคนี้พบมากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 50 ปี ปัจจัยทางพันธุกรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตมีบทบาทสำคัญต่อการเกิดโรค
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
สัญญาณเตือนและอาการที่ควรสังเกต
อาการของมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะแรกมักไม่ชัดเจน แต่เมื่อก้อนเนื้อร้ายโตขึ้นจะมีอาการคล้ายโรคกระเพาะอาหารทั่วไป เช่น
การตรวจวินิจฉัยและการตรวจสุขภาพ
การตรวจคัดกรองและวินิจฉัยที่สำคัญ ได้แก่
การรักษา
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค ประกอบด้วย
การป้องกัน
มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคที่ป้องกันและรักษาได้ หากรู้เท่าทันสัญญาณเตือนและไม่ละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงคือกุญแจสำคัญในการลดโอกาสเกิดโรคนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
มะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach Cancer หรือ Gastric Cancer) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุผิวกระเพาะอาหารจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง โรคนี้พบมากในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะหลังอายุ 50 ปี ปัจจัยทางพันธุกรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตมีบทบาทสำคัญต่อการเกิดโรค
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
- การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในกระเพาะอาหาร
- การรับประทานอาหารหมักดอง ปิ้งย่าง อาหารแปรรูป หรืออาหารเค็มจัดเป็นประจำ
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมีโรคทางพันธุกรรมบางชนิด
- โรคกระเพาะอาหารเรื้อรังหรือมีแผลในกระเพาะอาหาร
- เพศชาย อายุมากกว่า 50 ปี
สัญญาณเตือนและอาการที่ควรสังเกต
อาการของมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะแรกมักไม่ชัดเจน แต่เมื่อก้อนเนื้อร้ายโตขึ้นจะมีอาการคล้ายโรคกระเพาะอาหารทั่วไป เช่น
- ปวดท้อง แน่นท้องหรือท้องอืดหลังรับประทานอาหาร
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อาหารไม่ย่อย รู้สึกอิ่มเร็ว
- คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาเจียนเป็นเลือด
- ถ่ายอุจจาระสีดำ (เลือดปนในอุจจาระ)
- กลืนอาหารลำบาก
- ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โดยไม่ทราบสาเหตุ
การตรวจวินิจฉัยและการตรวจสุขภาพ
การตรวจคัดกรองและวินิจฉัยที่สำคัญ ได้แก่
- การส่องกล้องกระเพาะอาหาร (Gastroscopy) เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด สามารถเห็นแผลหรือก้อนเนื้อร้าย และตัดชิ้นเนื้อไปตรวจได้ในคราวเดียว
- การตรวจหาเชื้อ H. pylori ด้วยการตรวจเลือด ลมหายใจ หรืออุจจาระ
- CT scan, PET scan ตรวจดูการกระจายของโรค
การรักษา
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค ประกอบด้วย
- การผ่าตัด เพื่อนำก้อนเนื้อร้ายและเนื้อเยื่อรอบข้างออก
- เคมีบำบัด (Chemotherapy) ทำลายเซลล์มะเร็งที่กระจายไปแล้ว
- รังสีรักษา (Radiation Therapy) ใช้รังสีพลังงานสูงกำจัดเซลล์มะเร็
- ยาต้านมะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง (Targeted Therapy) และภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) สำหรับบางกรณี
การป้องกัน
- รับประทานอาหารสด สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ปิ้งย่าง หมักดอง และเค็มจัด
- เลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
- รักษาสุขภาพช่องปากและระบบทางเดินอาหาร
- ตรวจหาและรักษาเชื้อ H. pylori หากพบว่าติดเชื้อ
- ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหรืออายุ 50 ปีขึ้นไป
มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคที่ป้องกันและรักษาได้ หากรู้เท่าทันสัญญาณเตือนและไม่ละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงคือกุญแจสำคัญในการลดโอกาสเกิดโรคนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
Medical Center: Gastrointestinal and Liver Center
Publish date desc: 02/07/2025
Author doctor
Dr. Warawuti Buranawuti

Specialty
Gastroenterologist