
การคุมกำเนิดในปัจจุบันมีให้เลือกใช้อยู่หลายวิธี ซึ่งการฝังยาคุมกำเนิด ก็เป็นหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่มีประสิทธิภาพสูง และยังสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เป็นระยะเวลานานในผู้ที่ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ การฝังยาคุมกำเนิดจะดีอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง เรามีข้อมูลมาบอกค่ะ
ยาฝังคุมกำเนิด เป็นวิธีคุมกำเนิดชั่วคราว โดยการฝังหลอดบรรจุฮอร์โมนเล็กๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ซึ่งสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวยา มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงมาก โดยมีโอกาสล้มเหลวที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่เกิน 0.05-0.1%
ยาฝังคุมกําเนิด ประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) เพียงชนิดเดียว จึงทำให้ไม่มีผลข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เหมือนกับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด (ฮอร์โมนรวม) โดยบรรจุเอาไว้ในหลอดหรือแท่งพลาสติกเล็กๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ขนาดเท่าไม้จิ้มฟันชนิดกลม
นำมาฝังเข้าไปที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนด้านในที่ไม่ถนัด ใช้เวลาในการฝังยาประมาณ 10-15 นาที โดยฮอร์โมนที่ปล่อยออกมาจากแท่งยาฝังคุมกำเนิดจะมีผลทำให้ฟองไข่ไม่พัฒนา จึงไม่สามารถโตต่อไปจนตกไข่ได้ จึงไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
ยาฝังคุมกำเนิดเหมาะกับใครบ้าง
- ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง
- ผู้ที่คิดจะคุมกำเนิดในระยะเวลา 3 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่ต้องการความสะดวก ไม่ต้องรับประทานยาคุมกำเนิดบ่อยๆ
- ผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน
- ผู้ที่มีบุตรมาแล้ว และไม่ประสงค์มีบุตรในขณะนี้ แต่ประสงค์จะมีบุตรอีกในอนาคต
ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิด
- มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงมาก
- เป็นวิธีที่มีความสะดวก ฝังครั้งเดียวสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3 หรือ 5 ปี
- มีอาการข้างเคียงน้อย
- ไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ หรือลืมรับประทานยาคุมกำเนิด
- หากต้องการมีบุตรหรือต้องการหยุดใช้ ก็สามารถนำออกได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่จะเข้ารับการฝังยาคุมกำเนิดนั้น ควรศึกษาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมทั้งปรึกษาแพทย์ประจำตัวและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความเสี่ยงสุขภาพที่อาจไม่เป็นผลดีต่อการฝังยาคุมหรือไม่ ซึ่งการฝังยาคุมกำเนิดจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และสามารถกลับบ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องนอนที่โรงพยาบาล
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ศูนยสุขภาพสตรี
โทร. 0 2265 7777