• banner

โรคชิคุนกุนยา ภัยร้ายที่มาพร้อมกับหน้าฝน

โรคชิคุนกุนยา หรือโรคไข้ปวดข้อยุงลาย เป็นโรคที่ติดต่อผ่านยุงลาย ทำให้เกิดไข้สูงและปวดข้อรุนแรง แม้ว่าโรคนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่สามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยเฉพาะอาการปวดข้อเรื้อรัง การป้องกันโดยหลีกเลี่ยงการถูกยุงกัดและควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดการแพร่กระจายของโรคนี้

โรคชิคุนกุนยา หรือโรคไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya Fever) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya virus – CHIKV) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งเป็นพาหะชนิดเดียวกับโรคไข้เลือดออก โรคนี้พบได้ในหลายภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงแอฟริกา เอเชีย อเมริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มียุงชุกชุม

อาการของโรคชิคุนกุนยา
อาการของโรคนี้มักคล้ายกับไข้เลือดออกหรือโรคไข้หวัดใหญ่ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
• ไข้สูงเฉียบพลัน อุณหภูมิร่างกายอาจสูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส ประมาณ 3-5 วัน
• ปวดข้อรุนแรง อาจเกิดขึ้นที่ข้อมือ ข้อศอก หัวเข่า หรือข้อเท้า อาการปวดข้ออาจคงอยู่นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน
• ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะ
• มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย คล้ายกับผื่นของโรคไข้เลือดออก
• ตาแดง อักเสบ หรือตากลัวแสง
• อ่อนเพลียและเบื่ออาหาร

อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นภายใน 3-7 วันหลังจากถูกยุงกัด และส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจมีอาการปวดข้อเรื้อรังคล้ายโรคข้ออักเสบที่กินเวลานานเป็นเดือนหรือปี

การวินิจฉัยโรค
1. การตรวจอาการทางคลินิก เช่น ไข้สูงและอาการปวดข้อรุนแรง
2. การตรวจเลือด เพื่อแยกเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาออกจากโรคที่มีอาการคล้ายกัน เช่น ไข้เลือดออกหรือโรค
   ซิคุนกุนยา การวิธีการตรวจเลือดที่ใช้ ได้แก่
 • การตรวจ RT-PCR (Reverse Transcriptase Polymerase Chain Reaction) เพื่อหาเชื้อไวรัส
 • การตรวจแอนติบอดี IgM และ IgG เพื่อดูการติดเชื้อในระยะต่าง ๆ

การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาต้านไวรัสเฉพาะสำหรับโรคชิคุนกุนยา การรักษาจึงเป็นแบบประคับประคอง ได้แก่
• ให้ยาลดไข้และบรรเทาอาการปวด เช่น พาราเซตามอล หลีกเลี่ยงยาแอสไพรินและไอบูโพรเฟนเพราะอาจทำให้เลือดออกง่าย
• พักผ่อนให้เพียงพอ
• ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
• หากมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที

การป้องกัน
เนื่องจากยังไม่มีวัคซีน การป้องกันโรคจึงเน้นที่การป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด และควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ได้แก่
• กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น คว่ำภาชนะที่มีน้ำขัง เปลี่ยนน้ำในแจกันและภาชนะใส่น้ำทุกสัปดาห์
• ใช้ยากันยุง หรือโลชั่นทากันยุง
• ใส่เสื้อผ้ามิดชิด โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ที่มียุงชุกชุม
• ติดมุ้งลวดและนอนในมุ้ง เพื่อป้องกันยุงกัด
• ใช้สารเคมีกำจัดยุง เช่น พ่นสเปรย์กำจัดยุงหรือใช้เครื่องพ่นไอน้ำไล่ยุง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์เด็กและพัฒนาการเด็ก
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 12/05/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. ภานุพงศ์ เสรีภาณุ

img

ความถนัดเฉพาะทาง

กุมารแพทย์

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา