“นิ่วในถุงน้ำดี” ไม่ใช่โรคเล็ก ๆ… รู้ก่อนจะปวดรุนแรงจนต้องผ่าตัดด่วน!
หลายคนอาจเคยได้ยินว่า “มีนิ่วในถุงน้ำดี” แต่เพราะไม่มีอาการอะไรชัดเจน จึงคิดว่าไม่น่ากังวล
แต่รู้ไหมว่า... โรคนี้มักเริ่มเงียบ แต่ถ้าแสดงอาการเมื่อไร มักจะปวดรุนแรงจนต้องรีบผ่าตัดแบบไม่ทันตั้งตัว!
แต่เมื่อก้อนนิ่วเริ่มไปอุดท่อน้ำดี หรือทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ จะเกิดอาการปวดเฉียบพลัน จุกแน่นใต้ชายโครงขวา ปวดจี๊ดร้าวไปที่ไหล่หรือหลัง และบางครั้งอาจมีไข้ คลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย
คุณอาจเคยมีอาการเหล่านี้ โดยคิดว่าเป็นแค่โรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน
• แน่นท้อง จุกเสียดหลังกินของมัน
• ปวดท้องขวาเรื้อรังเป็นช่วง ๆ
• รู้สึกอึดอัดหลังมื้ออาหาร โดยเฉพาะตอนเย็น
• ภาวะท่อน้ำดีอักเสบติดเชื้อ (cholangitis)
• ตับอ่อนอักเสบจากนิ่ว (gallstone pancreatitis)
ซึ่งทั้งสองภาวะนี้จัดว่าเป็น “ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์” ที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที
• ปวดเสียดรุนแรงบริเวณใต้ชายโครงขวา
• ปวดนานต่อเนื่องหลายชั่วโมง
• คลื่นไส้ อาเจียน ไข้ หนาวสั่น
ในกรณีนี้ จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแบบเร่งด่วน ซึ่งความเสี่ยงและผลข้างเคียงจะมากกว่าการผ่าตัดที่วางแผนไว้ล่วงหน้า
• ความเสี่ยงน้อยกว่า: เพราะร่างกายยังไม่อักเสบ ไม่ติดเชื้อ
• พักฟื้นไว: ส่วนใหญ่นอน รพ. เพียง 1–2 วันก็กลับบ้านได้
• แผลเล็ก: ผ่าตัดผ่านกล้อง มีแผลเพียง 1–2 ซม. (3-4 แผล)
• ปลอดภัยกว่า: เพราะไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงมาก่อน
ผ่าตัดแบบฉุกเฉิน หรือ ผ่าตัดตอนที่อาการกำเริบหรืออักเสบแล้ว
• ความเสี่ยงสูงขึ้น: เพราะร่างกายกำลังมีการอักเสบ อาจติดเชื้อร่วมด้วย
• พักฟื้นนานกว่า: อาจต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันจนกว่าอาการจะดี
• แผลผ่าตัดใหญ่ขึ้น: มีโอกาสผ่าตัดผ่านกล้องไม่สำเร็จ จนต้องเปิดหน้าท้องเพื่อความปลอดภัย
• ผลข้างเคียงอาจตามมา: เพราะร่างกายรับมือกับทั้งโรคและการผ่าตัดพร้อมกัน
ศูนย์ศัลยกรรม
โทร. 0-2265-7777
แต่รู้ไหมว่า... โรคนี้มักเริ่มเงียบ แต่ถ้าแสดงอาการเมื่อไร มักจะปวดรุนแรงจนต้องรีบผ่าตัดแบบไม่ทันตั้งตัว!
นิ่วในถุงน้ำดีอาจเงียบ…แต่มาแรง
นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการตกผลึกของสารบางชนิด เช่น คอเลสเตอรอล หรือเม็ดสีในน้ำดี ซึ่งในช่วงแรก อาจไม่แสดงอาการใด ๆ เลย คนจำนวนมากจึงไม่รู้ตัวว่ามีอยู่แต่เมื่อก้อนนิ่วเริ่มไปอุดท่อน้ำดี หรือทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ จะเกิดอาการปวดเฉียบพลัน จุกแน่นใต้ชายโครงขวา ปวดจี๊ดร้าวไปที่ไหล่หรือหลัง และบางครั้งอาจมีไข้ คลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย
สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
คุณอาจเคยมีอาการเหล่านี้ โดยคิดว่าเป็นแค่โรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน• แน่นท้อง จุกเสียดหลังกินของมัน
• ปวดท้องขวาเรื้อรังเป็นช่วง ๆ
• รู้สึกอึดอัดหลังมื้ออาหาร โดยเฉพาะตอนเย็น
ถ้าปล่อยไว้ อะไรจะเกิดขึ้น?
นิ่วในถุงน้ำดีสามารถทำให้เกิดภาวะอักเสบรุนแรง (acute cholecystitis) หรือในบางกรณีที่ก้อนนิ่วหลุดไปอุดท่อน้ำดี อาจก่อให้เกิด• ภาวะท่อน้ำดีอักเสบติดเชื้อ (cholangitis)
• ตับอ่อนอักเสบจากนิ่ว (gallstone pancreatitis)
ซึ่งทั้งสองภาวะนี้จัดว่าเป็น “ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์” ที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที
นิ่วอักเสบเฉียบพลัน เจ็บรุนแรงแค่ไหน?
ผู้ป่วยมักมาด้วยอาการ• ปวดเสียดรุนแรงบริเวณใต้ชายโครงขวา
• ปวดนานต่อเนื่องหลายชั่วโมง
• คลื่นไส้ อาเจียน ไข้ หนาวสั่น
ในกรณีนี้ จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแบบเร่งด่วน ซึ่งความเสี่ยงและผลข้างเคียงจะมากกว่าการผ่าตัดที่วางแผนไว้ล่วงหน้า
ผ่าตัดแบบวางแผน vs ผ่าตัดแบบฉุกเฉิน…ต่างกันอย่างไร?
ผ่าตัดแบบวางแผน• ความเสี่ยงน้อยกว่า: เพราะร่างกายยังไม่อักเสบ ไม่ติดเชื้อ
• พักฟื้นไว: ส่วนใหญ่นอน รพ. เพียง 1–2 วันก็กลับบ้านได้
• แผลเล็ก: ผ่าตัดผ่านกล้อง มีแผลเพียง 1–2 ซม. (3-4 แผล)
• ปลอดภัยกว่า: เพราะไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงมาก่อน
ผ่าตัดแบบฉุกเฉิน หรือ ผ่าตัดตอนที่อาการกำเริบหรืออักเสบแล้ว
• ความเสี่ยงสูงขึ้น: เพราะร่างกายกำลังมีการอักเสบ อาจติดเชื้อร่วมด้วย
• พักฟื้นนานกว่า: อาจต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันจนกว่าอาการจะดี
• แผลผ่าตัดใหญ่ขึ้น: มีโอกาสผ่าตัดผ่านกล้องไม่สำเร็จ จนต้องเปิดหน้าท้องเพื่อความปลอดภัย
• ผลข้างเคียงอาจตามมา: เพราะร่างกายรับมือกับทั้งโรคและการผ่าตัดพร้อมกัน
ข้อแนะนำสำคัญจากแพทย์
หากคุณเคยตรวจเจอนิ่ว หรือมีอาการปวดท้องขวาเป็นพัก ๆ อย่ารอจนเกิดอาการรุนแรง เพราะการผ่าตัดแบบฉุกเฉินมีความเสี่ยงสูงกว่า การผ่าตัดผ่านกล้องในช่วงที่อาการยังไม่รุนแรงนั้นปลอดภัยกว่า ฟื้นตัวได้ไว และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนศูนย์ศัลยกรรม
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์ศัลยกรรม
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 10/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
พญ. ชลลดา ครุฑศรี

ความถนัดเฉพาะทาง
ศัลยแพทย์ทั่วไป-เต้านม