ลมพิษ โรคใกล้ตัวที่ทุกคนเป็นได้
ลมพิษ เป็นอาการทางผิวหนังที่พบเห็นกันได้บ่อย เกิดจากภูมิต้านทานร่างกายทำงานแปรปรวน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยมีอาการเป็นผื่น บวมแดง นูน คัน กระจายตามตัว ว่าแต่สาเหตุ อาการ และการดูแลตัวเองเมื่อเป็นลมพิษมีอะไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลเรื่อง “ลมพิษ โรคใกล้ตัวที่ทุกคนเป็นได้” จาก นพ.จิโรจ สินธวานนท์ แพทย์ทางด้านโรคผิวหนัง โรงพยาบาลวิชัยยุทธมาเล่าให้ฟังค่ะ
ลมพิษคือโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยโรคหนึ่งในเวชปฏิบัติ เป็นโรคที่เกิดจากภูมิต้านทานร่างกายแปรปรวน เกิดได้หลายสาเหตุ มีอาการที่เป็นผื่นบวมแดง นูน คัน กระจายตามตัว
สาเหตุของลมพิษคืออะไร
สาเหตุมีได้มากมายหลายชนิด สาเหตุที่พบได้บ่อยคือการแพ้อาหาร หรือแก้ยา ได้จากการซักประวัติ นอกจากนั้นก็จะเป็น สาเหตุจากการติดเชื้อในร่างกาย เช่น เป็นหวัด ฟันผุ ทอนซิลอักเสบ เป็นพยาธิ หรือเป็นเชื้อรา เช่น เชื้อราในช่องคลอด เชื้อราที่เท้า หรือเป็นเชื้อไวรัสบางชนิดก็ได้
การอักเสบ
สรุปคือการอักเสบ มีเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ในร่างกายไปรบกวน ภูมิต้านทานร่างกายทำให้ทำงานแปรปรวน แล้วปฏิกิริยาเป็นลมพิษ
สภาพแวดล้อม
นอกจากนั้นก็จะเป็นจากสภาพแวดล้อม เช่น จากโดนน้ำ โดนแสงแดด ความร้อน ความเย็น การสั่นสะเทือน การขูดขีดที่ผิวตัว พวกนี้เป็นสาเหตุที่กระตุ้นลมพิษได้
สภาวะทางด้านจิตใจ
นอกจากนั้นก็จะเป็นสภาวะทางด้านจิตใจ มีคนไข้หลายรายที่มีอาการลมพิษเวลามีความเคร่งเครียด เช่น ใกล้สอบ เปลี่ยนงาน พวกนี้ก็สามารถเกิดอาการลมพิษได้ด้วยเช่นกัน
กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้านับรวมกันแล้วก็จะประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครั้งหนึ่งจะเป็นลมพิษที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ การจะเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้นกันที่ผิดปกติอยู่แล้ว พวกนี้จะเป็นโรคเกี่ยวข้องกับภูมิต้านทาน
ลมพิษมีลักษณะใด
ลมพิษเราจะสามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะ
อันแรกคือสาเหตุที่เกิด เช่น สาเหตุการแพ้ยา แพ้อาหาร การอักเสบติดเชื้อต่าง ๆ ความเครียดทางร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งจะมีกลุ่มหนึ่งที่หาสาเหตุไม่พบ หรืออย่างเช่นสาเหตุทางกายภาพ เช่น ความร้อน ความเย็น อันนี้คือการแบ่งตามสาเหตุ อีกชนิดหนึ่งแบ่งตามช่วงเวลา เช่น การเกิดลมพิษขึ้นมาปัจจุบัน ทางด่วน เฉียบพลัน ใช้คำว่า ลมพิษเฉียบพลัน ลมพิษเฉียบพลันนี้ก็คือเกิดทุกวัน ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ถ้าเกิด 6 สัปดาห์ใช้คำว่า ลมพิษเรื้อรัง
ลมพิษเรื้อรัง อาการก็จะมี วัน สองวัน ยุบไปสามสี่วัน ขึ้นใหม่สามสี่วันสลับไป สลับมา บริเวณไม่ค่อยชัดเจน พวกนี้มีประวัติภูมิแพ้เป็นพื้นฐาน ก็อาจประวัติลมพิษมายาวนานเป็นหลายเดือน หรือหลายปีก็มี พวกนี้จะมีการครอบคลุมดูแลรักษาแบบหนึ่ง
ส่วนใหญ่แล้วโรคลมพิษที่เป็นปัญหาและพาคนไข้มาโดยด่วน คือลมพิษเฉียบพลัน อาการจะเป็นค่อนข้างรุนแรง อาจมีประวัติเป็นสั้น ๆ เช่น ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เสร็จแล้วเป็นช่วงสามสี่วัน อาการผื่นเป็นมากแล้วยุบช้า มีอาการคันมาก แดงมาก นูนมาก อย่างนี้เป็นต้น
นอกจากนั้นลมพิษชนิดที่เราต้องให้ใส่ใจเป็นพิเศษคือ ลมพิษที่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย คืออาการในระบบทางเดินหายใจ อย่างที่กล่าวแล้วว่า ลมพิษมีอาการบวมที่ผิวหนังที่ลมเห็นได้ นอกจากนั้น อาจจะมีการบวมในทางเดิมหายใจ หายใจติดขัด หายใจไม่เข้า หรือมีอาการหอบ หรือมีการวัดปริมาณในกระแสเลือดต่ำ พวกนี้เป็นอาการที่รุนแรงในระบบทางเดินหายใจ
นอกจากนั้นยังมีการบวมในระบบทางเดินอาหาร มีการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนได้ มีความดันตกได้ มีภาวะช็อกได้ พวกนี้เป็นอาการที่สอดถึงความรุนแรงของโรค บางครั้งอาจต้องรับตัวมาดูแลในโรงพยาบาลเพราะอาจเจอผลแทรกซ้อนถึงแก่ชีวิตได้
สำหรับผู้ป่วยลมพิษไม่อยากให้เกิดความกังวล เดี๋ยวอาจจะทำให้ลมพิษเป็นมากขึ้น แม้ว่าบางครั้งอยู่ในกลุ่มที่ระบุสาเหตุไม่ได้ แต่เรามีแนวทางในการรักษานะครับ ถ้าเกิดคุณเป็นลมพิษอยู่ อย่างแรกคือการสังเกตตัวเองว่าสาเหตุลมพิษ เป็นจากอะไร เป็นในช่วงเวลาไหน ไปทานอาหารอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า จดบันทึก แล้วก็รับประทานยา ถ้าเกิดไม่แน่ใจก็ควรจะมาพบแพทย์ ปรึกษาวิธีการจัดการเกี่ยวกับปัญหาลมพิษ
ลมพิษรักษาได้
ลมพิษไม่ใช่โรคที่จะรักษาไม่ได้ มีวิธีในการรักษาหรือดูแลอยู่ อย่างน้อย ๆ เราดูแลเรื่องเกี่ยวกับอาหาร เกี่ยวกับยา รับยาเท่าที่จำเป็น การใช้ยาอย่างมีเหตุผลและเหมาะสมก็สำคัญ นอกจากนั้นแล้ว ปัญหาลมพิษเกี่ยวกับภูมิต้านทานของร่างกายเราเอง การพักผ่อนเป็นการดีที่สุดในการลดเรื่องความเครียดทางกาย การพักผ่อนไม่เพียงพอ เจ็บไข้ได้ป่วย ทางเครียดทางอารมณ์จิตใจ ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดลมพิษทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเป็นลมพิษ อย่างน้อยคือการทบทวนตัวเองถึงสาเหตุ และก็จัดระเบียบร่างกายของเราให้มีภาวะสมดุลทั้งทางกาย ทางจิต ผักผ่อนให้เพียงพอ ลดการรบกวนภูมิต้านทานของร่างกายเราลง ถ้าเกิดมีปัญหามาพบแพทย์ได้ครับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ลมพิษคือโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยโรคหนึ่งในเวชปฏิบัติ เป็นโรคที่เกิดจากภูมิต้านทานร่างกายแปรปรวน เกิดได้หลายสาเหตุ มีอาการที่เป็นผื่นบวมแดง นูน คัน กระจายตามตัว
สาเหตุของลมพิษคืออะไร
สาเหตุมีได้มากมายหลายชนิด สาเหตุที่พบได้บ่อยคือการแพ้อาหาร หรือแก้ยา ได้จากการซักประวัติ นอกจากนั้นก็จะเป็น สาเหตุจากการติดเชื้อในร่างกาย เช่น เป็นหวัด ฟันผุ ทอนซิลอักเสบ เป็นพยาธิ หรือเป็นเชื้อรา เช่น เชื้อราในช่องคลอด เชื้อราที่เท้า หรือเป็นเชื้อไวรัสบางชนิดก็ได้
การอักเสบ
สรุปคือการอักเสบ มีเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ในร่างกายไปรบกวน ภูมิต้านทานร่างกายทำให้ทำงานแปรปรวน แล้วปฏิกิริยาเป็นลมพิษ
สภาพแวดล้อม
นอกจากนั้นก็จะเป็นจากสภาพแวดล้อม เช่น จากโดนน้ำ โดนแสงแดด ความร้อน ความเย็น การสั่นสะเทือน การขูดขีดที่ผิวตัว พวกนี้เป็นสาเหตุที่กระตุ้นลมพิษได้
สภาวะทางด้านจิตใจ
นอกจากนั้นก็จะเป็นสภาวะทางด้านจิตใจ มีคนไข้หลายรายที่มีอาการลมพิษเวลามีความเคร่งเครียด เช่น ใกล้สอบ เปลี่ยนงาน พวกนี้ก็สามารถเกิดอาการลมพิษได้ด้วยเช่นกัน
กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้านับรวมกันแล้วก็จะประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครั้งหนึ่งจะเป็นลมพิษที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ การจะเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้นกันที่ผิดปกติอยู่แล้ว พวกนี้จะเป็นโรคเกี่ยวข้องกับภูมิต้านทาน
ลมพิษมีลักษณะใด
ลมพิษเราจะสามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะ
อันแรกคือสาเหตุที่เกิด เช่น สาเหตุการแพ้ยา แพ้อาหาร การอักเสบติดเชื้อต่าง ๆ ความเครียดทางร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งจะมีกลุ่มหนึ่งที่หาสาเหตุไม่พบ หรืออย่างเช่นสาเหตุทางกายภาพ เช่น ความร้อน ความเย็น อันนี้คือการแบ่งตามสาเหตุ อีกชนิดหนึ่งแบ่งตามช่วงเวลา เช่น การเกิดลมพิษขึ้นมาปัจจุบัน ทางด่วน เฉียบพลัน ใช้คำว่า ลมพิษเฉียบพลัน ลมพิษเฉียบพลันนี้ก็คือเกิดทุกวัน ภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ถ้าเกิด 6 สัปดาห์ใช้คำว่า ลมพิษเรื้อรัง
ลมพิษเรื้อรัง อาการก็จะมี วัน สองวัน ยุบไปสามสี่วัน ขึ้นใหม่สามสี่วันสลับไป สลับมา บริเวณไม่ค่อยชัดเจน พวกนี้มีประวัติภูมิแพ้เป็นพื้นฐาน ก็อาจประวัติลมพิษมายาวนานเป็นหลายเดือน หรือหลายปีก็มี พวกนี้จะมีการครอบคลุมดูแลรักษาแบบหนึ่ง
ส่วนใหญ่แล้วโรคลมพิษที่เป็นปัญหาและพาคนไข้มาโดยด่วน คือลมพิษเฉียบพลัน อาการจะเป็นค่อนข้างรุนแรง อาจมีประวัติเป็นสั้น ๆ เช่น ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย เสร็จแล้วเป็นช่วงสามสี่วัน อาการผื่นเป็นมากแล้วยุบช้า มีอาการคันมาก แดงมาก นูนมาก อย่างนี้เป็นต้น
นอกจากนั้นลมพิษชนิดที่เราต้องให้ใส่ใจเป็นพิเศษคือ ลมพิษที่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย คืออาการในระบบทางเดินหายใจ อย่างที่กล่าวแล้วว่า ลมพิษมีอาการบวมที่ผิวหนังที่ลมเห็นได้ นอกจากนั้น อาจจะมีการบวมในทางเดิมหายใจ หายใจติดขัด หายใจไม่เข้า หรือมีอาการหอบ หรือมีการวัดปริมาณในกระแสเลือดต่ำ พวกนี้เป็นอาการที่รุนแรงในระบบทางเดินหายใจ
นอกจากนั้นยังมีการบวมในระบบทางเดินอาหาร มีการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนได้ มีความดันตกได้ มีภาวะช็อกได้ พวกนี้เป็นอาการที่สอดถึงความรุนแรงของโรค บางครั้งอาจต้องรับตัวมาดูแลในโรงพยาบาลเพราะอาจเจอผลแทรกซ้อนถึงแก่ชีวิตได้
สำหรับผู้ป่วยลมพิษไม่อยากให้เกิดความกังวล เดี๋ยวอาจจะทำให้ลมพิษเป็นมากขึ้น แม้ว่าบางครั้งอยู่ในกลุ่มที่ระบุสาเหตุไม่ได้ แต่เรามีแนวทางในการรักษานะครับ ถ้าเกิดคุณเป็นลมพิษอยู่ อย่างแรกคือการสังเกตตัวเองว่าสาเหตุลมพิษ เป็นจากอะไร เป็นในช่วงเวลาไหน ไปทานอาหารอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า จดบันทึก แล้วก็รับประทานยา ถ้าเกิดไม่แน่ใจก็ควรจะมาพบแพทย์ ปรึกษาวิธีการจัดการเกี่ยวกับปัญหาลมพิษ
ลมพิษรักษาได้
ลมพิษไม่ใช่โรคที่จะรักษาไม่ได้ มีวิธีในการรักษาหรือดูแลอยู่ อย่างน้อย ๆ เราดูแลเรื่องเกี่ยวกับอาหาร เกี่ยวกับยา รับยาเท่าที่จำเป็น การใช้ยาอย่างมีเหตุผลและเหมาะสมก็สำคัญ นอกจากนั้นแล้ว ปัญหาลมพิษเกี่ยวกับภูมิต้านทานของร่างกายเราเอง การพักผ่อนเป็นการดีที่สุดในการลดเรื่องความเครียดทางกาย การพักผ่อนไม่เพียงพอ เจ็บไข้ได้ป่วย ทางเครียดทางอารมณ์จิตใจ ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดลมพิษทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเป็นลมพิษ อย่างน้อยคือการทบทวนตัวเองถึงสาเหตุ และก็จัดระเบียบร่างกายของเราให้มีภาวะสมดุลทั้งทางกาย ทางจิต ผักผ่อนให้เพียงพอ ลดการรบกวนภูมิต้านทานของร่างกายเราลง ถ้าเกิดมีปัญหามาพบแพทย์ได้ครับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคผิวหนังและศัลยกรรมตกแต่ง
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 23/03/2022
แพทย์ผู้เขียน
นพ. จิโรจ สินธวานนท์

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคผิวหนัง