ยาระบาย..ยาแก้ท้องเสีย..ยาต้านเกร็ง เข้าใจการใช้ยาในผู้ที่มีลำไส้แปรปรวนอย่างถูกต้อง
สำหรับผู้ที่มีภาวะ ลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome – IBS) การใช้ยาอย่างถูกวิธีถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาผิด และดูแลอาการให้ตรงจุด
ผู้ป่วยลำไส้แปรปรวน(IBS) มักมีอาการหลากหลาย เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือปวดเกร็งท้อง ดังนั้น การใช้ยาควรพิจารณาให้เหมาะกับ “อาการหลัก” ของแต่ละคน ไม่ควรใช้ทุกตัวพร้อมกัน หรือใช้ต่อเนื่องโดยไม่จำเป็น
• ยากลุ่มไฟเบอร์: เช่น psyllium husk mucilin เพิ่มกากใยในลำไส้
• ยากระตุ้นการเคลื่อนไหว: เช่น bisacodyl, senna
• ยาระบายแบบออสโมติก: เช่น lactulose, Milk of magnesia MOM
ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ “ยาระบายแบบกระตุ้น” ทุกวัน เพราะอาจทำให้ลำไส้ชินและทำงานผิดปกติ
• ยาที่พบบ่อย: loperamide
ช่วยชะลอการเคลื่อนไหวของลำไส้ และลดจำนวนครั้งของการขับถ่าย
ข้อควรระวัง: ควรใช้เฉพาะช่วงที่มีอาการ ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง หากยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
• ตัวยาที่ใช้บ่อย: hyoscine, mebeverine
ช่วยคลายกล้ามเนื้อลำไส้และลดอาการจุกเสียด
ข้อควรระวัง: อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง ง่วงนอน ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
A : ถ้าเป็น “ยากระตุ้น” เช่น bisacodyl ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง
แนะนำให้เน้นอาหารที่มีกากใย และใช้ยากลุ่มไฟเบอร์หรือแบบอ่อนแทน
Q : ยาแก้ท้องเสีย รักษา IBS ได้ไหม?
A : ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ แต่ช่วยควบคุมอาการในช่วงที่ถ่ายเหลว
ควรดูแลพฤติกรรมควบคู่ เช่น หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นและจัดการความเครียด
Q : ใช้ยาร่วมกันหลายตัวได้ไหม?
A : ได้ครับ หากได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และอาการหลากหลาย
แต่ไม่ควรใช้เอง เพราะบางอาการอาจมาจากโรคอื่น ไม่ใช่ IBS
หากคุณมีอาการเรื้อรัง หรือใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินอาหาร เพื่อวินิจฉัยแยกโรค และวางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ยาในกลุ่มลำไส้แปรปรวน ใช้อย่างไรให้เหมาะสม?
ผู้ป่วยลำไส้แปรปรวน(IBS) มักมีอาการหลากหลาย เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือปวดเกร็งท้อง ดังนั้น การใช้ยาควรพิจารณาให้เหมาะกับ “อาการหลัก” ของแต่ละคน ไม่ควรใช้ทุกตัวพร้อมกัน หรือใช้ต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นยาระบาย (Laxatives)
เหมาะกับ: ผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง• ยากลุ่มไฟเบอร์: เช่น psyllium husk mucilin เพิ่มกากใยในลำไส้
• ยากระตุ้นการเคลื่อนไหว: เช่น bisacodyl, senna
• ยาระบายแบบออสโมติก: เช่น lactulose, Milk of magnesia MOM
ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ “ยาระบายแบบกระตุ้น” ทุกวัน เพราะอาจทำให้ลำไส้ชินและทำงานผิดปกติ
ยาแก้ท้องเสีย (Anti-diarrheal agents)
เหมาะกับ: ผู้ที่มีอาการถ่ายเหลว โดยเฉพาะช่วงเช้า• ยาที่พบบ่อย: loperamide
ช่วยชะลอการเคลื่อนไหวของลำไส้ และลดจำนวนครั้งของการขับถ่าย
ข้อควรระวัง: ควรใช้เฉพาะช่วงที่มีอาการ ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง หากยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
ยาต้านการบีบเกร็งของลำไส้ (Antispasmodics)
เหมาะกับ: ผู้ที่มีอาการปวดเสียด แน่นท้อง จากลำไส้บีบตัวผิดจังหวะ• ตัวยาที่ใช้บ่อย: hyoscine, mebeverine
ช่วยคลายกล้ามเนื้อลำไส้และลดอาการจุกเสียด
ข้อควรระวัง: อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง ง่วงนอน ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ยา?
Q : กินยาระบายทุกวัน อันตรายไหม?A : ถ้าเป็น “ยากระตุ้น” เช่น bisacodyl ไม่ควรใช้ต่อเนื่อง
แนะนำให้เน้นอาหารที่มีกากใย และใช้ยากลุ่มไฟเบอร์หรือแบบอ่อนแทน
Q : ยาแก้ท้องเสีย รักษา IBS ได้ไหม?
A : ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ แต่ช่วยควบคุมอาการในช่วงที่ถ่ายเหลว
ควรดูแลพฤติกรรมควบคู่ เช่น หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นและจัดการความเครียด
Q : ใช้ยาร่วมกันหลายตัวได้ไหม?
A : ได้ครับ หากได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และอาการหลากหลาย
แต่ไม่ควรใช้เอง เพราะบางอาการอาจมาจากโรคอื่น ไม่ใช่ IBS
การใช้ยาอย่างถูกวิธี เริ่มจากเข้าใจร่างกายตัวเอง
ลำไส้แปรปรวน (IBS) ไม่มี “ยารักษาให้หายขาด” แต่การใช้ยาอย่างเหมาะสม + ปรับพฤติกรรม จะช่วยควบคุมอาการและทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้หากคุณมีอาการเรื้อรัง หรือใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินอาหาร เพื่อวินิจฉัยแยกโรค และวางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 08/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. เกษม แสงหิรัญวัฒนา

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร