เข้าใจอารมณ์คุณแม่ตั้งครรภ์ แต่ละไตรมาสมีอะไรในใจที่เปลี่ยนไป
การตั้งครรภ์คือการเดินทางที่น่ามหัศจรรย์ แต่ก็เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ใช่แค่ร่างกายที่ต้องปรับตัว แต่ “อารมณ์” ของคุณแม่ก็แปรปรวนได้ไม่แพ้กันค่ะ บางครั้งก็ดีใจสุด ๆ บางทีก็หงุดหงิดง่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนหลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่? วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ในแต่ละไตรมาสกันค่ะ ว่าอะไรคือสาเหตุ และจะรับมือกับอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร
• ฮอร์โมน คือตัวการใหญ่เลยค่ะ ช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อสารเคมีในสมองที่ควบคุมอารมณ์ ทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนไหว หงุดหงิดง่าย หรือซึมเศร้าได้
• การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย การเจ็บป่วยระหว่างตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หรืออาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจได้เช่นกัน เมื่อร่างกายไม่สบาย อารมณ์ก็ย่อมไม่สดใสตามไปด้วย
• ความวิตกกังวล คุณแม่หลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หน้าที่ใหม่ของการเป็นแม่ การคลอดลูก การดูแลลูกหลังคลอด หรือแม้แต่เรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ความกังวลเหล่านี้สามารถสะสมและส่งผลกระทบต่ออารมณ์ได้
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราจะแบ่งอารมณ์ของคุณแม่ตามแต่ละช่วงไตรมาสของการตั้งครรภ์
• ดีใจ ตื่นเต้น แน่นอนว่าการเป็นแม่เป็นเรื่องที่น่ายินดี
• แพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาการเหล่านี้ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและหงุดหงิดง่าย
• อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา ร่างกายกำลังปรับตัวและใช้พลังงานในการสร้างชีวิตเล็ก ๆ ทำให้เหนื่อยง่าย
• อารมณ์แปรปรวน บางทีก็รู้สึกดี บางทีก็รู้สึกแย่ สลับกันไปมา
• สดใส มีพลังงานมากขึ้น อาการแพ้ท้องลดลง ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น
• มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลง เริ่มเห็นท้องโตขึ้น เริ่มสัมผัสได้ถึงลูกดิ้น ทำให้ผูกพันกับลูกมากขึ้น
• กังวลเรื่องการคลอด แม้จะมีความสุข แต่ความกังวลเรื่องการคลอดและการเตรียมตัวเป็นแม่ก็เริ่มเข้ามาในความคิด
• หงุดหงิดง่าย ไม่สบายตัว ท้องใหญ่ขึ้น ทำให้ปวดหลัง ปวดขา นอนลำบาก และรู้สึกไม่สบายตัว
• วิตกกังวลเรื่องการคลอดและลูก คิดมากเรื่องความเจ็บปวดในการคลอด การดูแลลูกหลังคลอด รวมถึงความสมบูรณ์ของลูก
• ซึมเศร้า วิตกกังวลเกินเหตุ บางรายอาจมีอาการซึมเศร้า หรือวิตกกังวลอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ต้องให้ความสำคัญ
• อยากให้ถึงวันคลอดเร็วๆ รู้สึกตื่นเต้นและอยากเจอหน้าลูกน้อยเต็มที แต่ก็อดกังวลไม่ได้
• รู้สึกเศร้า หดหู่ หรือวิตกกังวลตลอดเวลา กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือไม่มีความสุขกับกิจกรรมที่เคยชอบ
• คิดเรื่องการทำร้ายตัวเองหรือลูก นี่คือสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบขอความช่วยเหลือจากแพทย์ทันที
• มีอาการของโรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวลอย่างรุนแรง เช่น แพนิค หายใจไม่ออก ใจสั่น
แพทย์จะประเมินอาการและอาจแนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อรับการบำบัดหรือให้ยาที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการดูแลสุขภาพของตัวเองและลูกน้อยให้ดีที่สุด
การตั้งครรภ์คือช่วงเวลาที่อารมณ์ของคุณแม่จะผันผวนอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ สิ่งสำคัญคือ การยอมรับ ว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเดินทาง และการดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ โดย
• พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่ดีจะช่วยให้อารมณ์คงที่
• ทานอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายแข็งแรง จิตใจก็แจ่มใส
• ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน โยคะสำหรับคนท้อง ช่วยผ่อนคลายความเครียด
• หาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ
• พูดคุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อน ระบายความรู้สึกให้คนใกล้ชิดฟัง จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
• ปรึกษาแพทย์เมื่อรู้สึกไม่ไหว อย่าแบกรับความรู้สึกแย่ ๆ ไว้คนเดียว
คุณแม่ไม่ได้อยู่คนเดียวในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ การได้ความรัก ความเข้าใจ และการสนับสนุนจากคนรอบข้าง จะเป็นกำลังใจสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้อย่างมีความสุข และพร้อมที่จะเป็นคุณแม่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกค่ะ
ศูนย์สุขภาพสตรี
โทร. 0-2265-7777
ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ถึงอารมณ์แปรปรวน?
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้อารมณ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์เปลี่ยนแปลงไป มาจากปัจจัยหลายอย่างที่ผสมผสานกัน ทั้งเรื่อง ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และความรู้สึกวิตกกังวล ที่เกิดขึ้นตลอดการตั้งครรภ์• ฮอร์โมน คือตัวการใหญ่เลยค่ะ ช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในปริมาณที่สูงมาก ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อสารเคมีในสมองที่ควบคุมอารมณ์ ทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนไหว หงุดหงิดง่าย หรือซึมเศร้าได้
• การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย การเจ็บป่วยระหว่างตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หรืออาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจได้เช่นกัน เมื่อร่างกายไม่สบาย อารมณ์ก็ย่อมไม่สดใสตามไปด้วย
• ความวิตกกังวล คุณแม่หลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หน้าที่ใหม่ของการเป็นแม่ การคลอดลูก การดูแลลูกหลังคลอด หรือแม้แต่เรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ความกังวลเหล่านี้สามารถสะสมและส่งผลกระทบต่ออารมณ์ได้
อารมณ์ของคุณแม่ในแต่ละไตรมาสเป็นอย่างไรบ้าง?
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราจะแบ่งอารมณ์ของคุณแม่ตามแต่ละช่วงไตรมาสของการตั้งครรภ์ไตรมาสแรก (สัปดาห์ที่ 1-12)
เป็นช่วงที่คุณแม่เพิ่งรู้ว่ากำลังจะมีเจ้าตัวน้อย สิ่งที่มาพร้อมกับข่าวดีนี้คือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดอาการ• ดีใจ ตื่นเต้น แน่นอนว่าการเป็นแม่เป็นเรื่องที่น่ายินดี
• แพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาการเหล่านี้ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและหงุดหงิดง่าย
• อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา ร่างกายกำลังปรับตัวและใช้พลังงานในการสร้างชีวิตเล็ก ๆ ทำให้เหนื่อยง่าย
• อารมณ์แปรปรวน บางทีก็รู้สึกดี บางทีก็รู้สึกแย่ สลับกันไปมา
ไตรมาสที่สอง (สัปดาห์ที่ 13-27)
เป็นช่วง "ฮันนีมูน" ของการตั้งครรภ์เลยก็ว่าได้ค่ะ อาการแพ้ท้องมักจะดีขึ้น ร่างกายเริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น ทำให้คุณแม่• สดใส มีพลังงานมากขึ้น อาการแพ้ท้องลดลง ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น
• มีความสุขกับการเปลี่ยนแปลง เริ่มเห็นท้องโตขึ้น เริ่มสัมผัสได้ถึงลูกดิ้น ทำให้ผูกพันกับลูกมากขึ้น
• กังวลเรื่องการคลอด แม้จะมีความสุข แต่ความกังวลเรื่องการคลอดและการเตรียมตัวเป็นแม่ก็เริ่มเข้ามาในความคิด
ไตรมาสที่สาม (สัปดาห์ที่ 28-40)
ช่วงโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ร่างกายคุณแม่จะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด และความกังวลก็เพิ่มขึ้นตามมา• หงุดหงิดง่าย ไม่สบายตัว ท้องใหญ่ขึ้น ทำให้ปวดหลัง ปวดขา นอนลำบาก และรู้สึกไม่สบายตัว
• วิตกกังวลเรื่องการคลอดและลูก คิดมากเรื่องความเจ็บปวดในการคลอด การดูแลลูกหลังคลอด รวมถึงความสมบูรณ์ของลูก
• ซึมเศร้า วิตกกังวลเกินเหตุ บางรายอาจมีอาการซึมเศร้า หรือวิตกกังวลอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ต้องให้ความสำคัญ
• อยากให้ถึงวันคลอดเร็วๆ รู้สึกตื่นเต้นและอยากเจอหน้าลูกน้อยเต็มที แต่ก็อดกังวลไม่ได้
เมื่อใดที่ควรปรึกษาแพทย์?
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุณแม่มีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที:• รู้สึกเศร้า หดหู่ หรือวิตกกังวลตลอดเวลา กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือไม่มีความสุขกับกิจกรรมที่เคยชอบ
• คิดเรื่องการทำร้ายตัวเองหรือลูก นี่คือสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบขอความช่วยเหลือจากแพทย์ทันที
• มีอาการของโรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวลอย่างรุนแรง เช่น แพนิค หายใจไม่ออก ใจสั่น
แพทย์จะประเมินอาการและอาจแนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อรับการบำบัดหรือให้ยาที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการดูแลสุขภาพของตัวเองและลูกน้อยให้ดีที่สุด
การตั้งครรภ์คือช่วงเวลาที่อารมณ์ของคุณแม่จะผันผวนอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ สิ่งสำคัญคือ การยอมรับ ว่านี่คือส่วนหนึ่งของการเดินทาง และการดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ โดย
• พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่ดีจะช่วยให้อารมณ์คงที่
• ทานอาหารที่มีประโยชน์ ร่างกายแข็งแรง จิตใจก็แจ่มใส
• ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน โยคะสำหรับคนท้อง ช่วยผ่อนคลายความเครียด
• หาเวลาทำกิจกรรมที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ
• พูดคุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อน ระบายความรู้สึกให้คนใกล้ชิดฟัง จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
• ปรึกษาแพทย์เมื่อรู้สึกไม่ไหว อย่าแบกรับความรู้สึกแย่ ๆ ไว้คนเดียว
คุณแม่ไม่ได้อยู่คนเดียวในการเดินทางครั้งนี้ค่ะ การได้ความรัก ความเข้าใจ และการสนับสนุนจากคนรอบข้าง จะเป็นกำลังใจสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้อย่างมีความสุข และพร้อมที่จะเป็นคุณแม่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกค่ะ
ศูนย์สุขภาพสตรี
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์สุขภาพสตรี
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 13/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
พญ. พิมพ์อร คงประยูร

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์