• banner

เช็ก 7 อาการ เสี่ยงภาวะเชื้อราในช่องคลอด

สำหรับผู้หญิงหลายคน "ตกขาว" อาจเป็นเรื่องปกติที่เจอได้ในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าตกขาวของคุณเริ่มมีลักษณะที่เปลี่ยนไป พร้อมกับอาการคัน แสบ หรือรู้สึกไม่สบายตัว นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของ "ภาวะเชื้อราในช่องคลอด" หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการแพทย์ว่า "ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา" ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในผู้หญิงทุกวัย บทความนี้จะชวนคุณมาเช็กอาการ สาเหตุ และวิธีดูแลตัวเอง เพื่อให้ช่องคลอดกลับมาแข็งแรง ห่างไกลจากเชื้อรากวนใจค่ะ

เชื้อราในช่องคลอดเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ช่องคลอดของผู้หญิงเรามีแบคทีเรียและเชื้อราอาศัยอยู่ตามธรรมชาติในภาวะสมดุล แต่เมื่อใดก็ตามที่สมดุลนี้เสียไป โดยเฉพาะเมื่อเชื้อราแคนดิดา (Candida albicans) ซึ่งเป็นเชื้อรากลุ่มหนึ่งที่พบได้ทั่วไป เจริญเติบโตมากผิดปกติ ก็จะทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อราขึ้นมาได้ค่ะ

ปัจจัยที่ทำให้สมดุลเสียไปและเชื้อราเติบโตได้ดีขึ้น ได้แก่

    • ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนไป เช่น ช่วงใกล้มีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนสูง
    • การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาปฏิชีวนะอาจไปฆ่าแบคทีเรียดีๆ ที่คอยควบคุมเชื้อราในช่องคลอด ทำให้เชื้อราเพิ่มจำนวนได้
    • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเอดส์ หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิ
    • การใส่เสื้อผ้าอับชื้น หรือรัดแน่นเกินไป ทำให้บริเวณช่องคลอดอับชื้น เป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราชอบ
    • การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ไม่เหมาะสม สบู่หรือน้ำยาที่มีกลิ่นหอมแรงๆ อาจรบกวนสมดุลของช่องคลอด

7 อาการน่าสงสัย ที่คุณควรเช็กตัวเอง

    • ตกขาวมีลักษณะคล้ายนมบูด หรือคอนเทจชีส ตกขาวจะข้นเหนียว มีสีขาวขุ่น อาจมีกลิ่นหรือไม่ก็ได้
    • มีอาการคันช่องคลอดอย่างรุนแรง อาการคันอาจเป็นๆ หายๆ หรือคันตลอดเวลา สร้างความรำคาญอย่างมาก
    • แสบร้อนหรือเจ็บปวดบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด โดยเฉพาะเวลาปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์
    • เยื่อบุช่องคลอดและปากช่องคลอดบวมแดง อาจสังเกตได้จากการบวมและมีรอยแดงที่บริเวณอวัยวะเพศภายนอก
    • เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากช่องคลอดแห้งและระคายเคือง
    • มีผื่นแดงรอบๆ อวัยวะเพศ อาจมีผื่นแดงเล็กๆ หรือตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นบริเวณรอบนอก
    • ปัสสาวะแสบขัด คล้ายอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่จะไม่มีไข้สูง

การวินิจฉัยและการรักษา

    • ซักประวัติ สอบถามอาการและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
    • ตรวจภายใน เพื่อดูสภาพของช่องคลอดและปากมดลูก
    • เก็บตัวอย่างตกขาว นำไปตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อยืนยันว่ามีเชื้อราหรือไม่

เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว การรักษามักจะทำได้ไม่ยาก โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาตามความเหมาะสม เช่น

    • ยาเหน็บช่องคลอด มีทั้งแบบใช้ครั้งเดียว หรือใช้ต่อเนื่องหลายวัน
    • ยาครีมทาภายนอก สำหรับบรรเทาอาการคันและแสบร้อนที่ผิวหนังบริเวณปากช่องคลอด
    • ยาเม็ดรับประทาน สำหรับบางราย หรือกรณีที่อาการรุนแรง

สิ่งสำคัญคือ ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ควรใช้ยาให้ครบโดส เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ


ภาวะเชื้อราในช่องคลอดไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและสามารถรักษาให้หายขาดได้ สิ่งสำคัญคือการ สังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ และหากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ การดูแลสุขอนามัยของจุดซ่อนเร้นอย่างเหมาะสม เช่น สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่สวนล้างช่องคลอด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้อีกด้วยค่ะ

ศูนย์สุขภาพสตรี
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์สุขภาพสตรี
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 08/08/2025

แพทย์ผู้เขียน

พญ. พิมพ์อร คงประยูร

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา

โปรแกรมอื่นๆ