ช็อกโกแลตซีสต์ ภัยเงียบที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม
คุณเคยมีอาการปวดท้องน้อยช่วงมีประจำเดือนซ้ำๆ หรือรู้สึกแน่นท้อง อึดอัดในช่วงวันนั้นของเดือนไหม? หลายคนอาจคิดว่าเป็นอาการปกติของผู้หญิง แต่รู้ไหมว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของช็อกโกแลต ซีสต์ โรคที่พบได้บ่อยในวัยเจริญพันธุ์ และมักแฝงตัวมาเงียบๆ
แม้ไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่ช็อกโกแลตซีสต์อาจกระทบต่อสุขภาพ การใช้ชีวิตประจำวัน และโอกาสในการตั้งครรภ์ หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจหรือรักษาให้ถูกวิธี การรู้เท่าทันจึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากปัญหานี้
เมื่อถึงรอบเดือน เยื่อบุเหล่านี้ก็จะมีเลือดออกเช่นกัน แต่เลือดนั้นไม่สามารถระบายออกจากร่างกายได้ จึงสะสมอยู่ในรูปของถุงน้ำที่มีเลือดเก่าข้นคล้ายช็อกโกแลต จึงเรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” ถุงน้ำนี้สามารถทำให้เกิดอาการปวด การอักเสบ และพังผืด ส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์และสุขภาพโดยรวม
• ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ รู้สึกปวดลึกในอุ้งเชิงกราน
• ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
• ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
• ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือมามากผิดปกติ
• ท้องอืด ท้องเสีย หรือปวดขณะขับถ่ายช่วงมีประจำเดือน
• มีภาวะมีบุตรยาก แม้พยายามตั้งครรภ์มานาน
หากมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
• ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
• ผู้ที่มีประจำเดือนครั้งแรกก่อนวัย
• มีรอบเดือนสั้น เช่น น้อยกว่า 27 วัน และประจำเดือนนานเกิน 7 วัน
• ไม่เคยตั้งครรภ์ หรือมีลูกยาก
ในบางกรณีอาจใช้การส่องกล้องทางหน้าท้อง (Laparoscopy) ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการยืนยันการวินิจฉัย และสามารถรักษาในคราวเดียวได้ด้วย
1. การใช้ยา
• ยาแก้ปวด (NSAIDs) ช่วยลดอาการปวดท้อง
• ยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด หรือ GnRH agonist ช่วยลดการเจริญเติบโตของเยื่อบุผิดที่
2. การผ่าตัด
• หากซีสต์มีขนาดใหญ่ หรือไม่ตอบสนองต่อยา
• นิยมผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาถุงน้ำออก และลดพังผืด
3. การดูแลตัวเอง
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน เช่น อาหารแปรรูป
• เข้ารับการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ
“ช็อกโกแลตซีสต์” อาจเริ่มต้นเงียบๆ โดยไม่มีอาการชัดเจน แต่สามารถกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้หากปล่อยไว้นาน ทั้งเรื่องความเจ็บปวด การใช้ชีวิตประจำวัน และโอกาสในการตั้งครรภ์
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าอาการปวดประจำเดือนของคุณไม่เหมือนเดิม ปวดมากขึ้น รบกวนชีวิตประจำวัน หรือมีภาวะมีบุตรยาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจที่เหมาะสม เพราะการวินิจฉัยเร็วและรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
ศูนย์สุขภาพสตรี
โทร. 0-2265-7777
แม้ไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่ช็อกโกแลตซีสต์อาจกระทบต่อสุขภาพ การใช้ชีวิตประจำวัน และโอกาสในการตั้งครรภ์ หากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจหรือรักษาให้ถูกวิธี การรู้เท่าทันจึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากปัญหานี้
ช็อกโกแลตซีสต์คืออะไร?
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) คือ ถุงน้ำในรังไข่ที่เกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) โดยปกติ เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกเป็นประจำเดือนในทุกเดือน แต่ในบางคน เยื่อบุนี้กลับไปเจริญเติบโตในตำแหน่งอื่น เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ หรือช่องท้องเมื่อถึงรอบเดือน เยื่อบุเหล่านี้ก็จะมีเลือดออกเช่นกัน แต่เลือดนั้นไม่สามารถระบายออกจากร่างกายได้ จึงสะสมอยู่ในรูปของถุงน้ำที่มีเลือดเก่าข้นคล้ายช็อกโกแลต จึงเรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” ถุงน้ำนี้สามารถทำให้เกิดอาการปวด การอักเสบ และพังผืด ส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์และสุขภาพโดยรวม
อาการ
ช็อกโกแลตซีสต์อาจไม่มีอาการในระยะแรก แต่เมื่อโรคพัฒนาขึ้น อาการต่อไปนี้อาจปรากฏ• ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ รู้สึกปวดลึกในอุ้งเชิงกราน
• ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
• ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
• ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือมามากผิดปกติ
• ท้องอืด ท้องเสีย หรือปวดขณะขับถ่ายช่วงมีประจำเดือน
• มีภาวะมีบุตรยาก แม้พยายามตั้งครรภ์มานาน
หากมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ใครบ้างที่ต้องระวัง?
• ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ (อายุ 20–45 ปี)• ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
• ผู้ที่มีประจำเดือนครั้งแรกก่อนวัย
• มีรอบเดือนสั้น เช่น น้อยกว่า 27 วัน และประจำเดือนนานเกิน 7 วัน
• ไม่เคยตั้งครรภ์ หรือมีลูกยาก
การวินิจฉัย
แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจภายใน จากนั้นอาจมีการใช้อัลตราซาวด์ เพื่อดูถุงน้ำในรังไข่ และตรวจดูพังผืดในบางกรณีอาจใช้การส่องกล้องทางหน้าท้อง (Laparoscopy) ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการยืนยันการวินิจฉัย และสามารถรักษาในคราวเดียวได้ด้วย
การรักษา
การรักษาขึ้นอยู่กับขนาดของถุงน้ำ อาการ และแผนการมีบุตรในอนาคต1. การใช้ยา
• ยาแก้ปวด (NSAIDs) ช่วยลดอาการปวดท้อง
• ยาฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด หรือ GnRH agonist ช่วยลดการเจริญเติบโตของเยื่อบุผิดที่
2. การผ่าตัด
• หากซีสต์มีขนาดใหญ่ หรือไม่ตอบสนองต่อยา
• นิยมผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเอาถุงน้ำออก และลดพังผืด
3. การดูแลตัวเอง
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน เช่น อาหารแปรรูป
• เข้ารับการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ
“ช็อกโกแลตซีสต์” อาจเริ่มต้นเงียบๆ โดยไม่มีอาการชัดเจน แต่สามารถกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้หากปล่อยไว้นาน ทั้งเรื่องความเจ็บปวด การใช้ชีวิตประจำวัน และโอกาสในการตั้งครรภ์
หากคุณเริ่มรู้สึกว่าอาการปวดประจำเดือนของคุณไม่เหมือนเดิม ปวดมากขึ้น รบกวนชีวิตประจำวัน หรือมีภาวะมีบุตรยาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจที่เหมาะสม เพราะการวินิจฉัยเร็วและรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง
ศูนย์สุขภาพสตรี
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์สุขภาพสตรี
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 11/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. พิบูลย์ ลีละพัฒนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านรักษาผู้มีบุตรยาก