• banner

ตรวจไขมันพอกตับ ต้องเจาะอะไรบ้าง? เจ็บไหม? ใช้เวลานานหรือไม่?

หากคุณเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นอนดึก ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ กินหวานมาก หรือไม่ค่อยออกกำลังกาย แล้วเริ่มสงสัยว่า "จะมีไขมันพอกตับหรือเปล่า?" หนึ่งในคำถามที่คนไข้ถามหมอบ่อยที่สุดคือ “ต้องตรวจอะไรบ้างคะหมอ?” “เจ็บไหม?” หรือ “ตรวจตับใช้เวลานานหรือเปล่า?” วันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟัง เพื่อให้คุณพร้อมเริ่มต้นดูแลตับได้ง่ายขึ้น

ตรวจไขมันพอกตับ เริ่มจากอะไร?

1. เจาะเลือดดูค่าการทำงานของตับ (AST, ALT)

    • เป็นการตรวจเบื้องต้นที่ใช้ดูว่าตับมีความผิดปกติหรือไม่
    • ค่าที่ตรวจหลักคือ AST (Aspartate aminotransferase) และ ALT (Alanine aminotransferase)
    • หากค่าสูงกว่าปกติ อาจบ่งชี้ว่าเริ่มมีการอักเสบของตับ
- ใช้เวลา: เจาะเลือดประมาณ 5 นาที รอผลไม่เกิน 1 ชั่วโมง
- เจ็บหรือไม่? เจ็บเล็กน้อยเหมือนเจาะเลือดทั่วไป
- เตรียมตัวอย่างไร? ไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร (ขึ้นกับแพทย์)

2. อัลตราซาวด์ตับ (Ultrasound)

    • ใช้คลื่นเสียงตรวจภาพตับว่ามีไขมันสะสมหรือไม่
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าตับผิดปกติ หรือมีความเสี่ยงจากพฤติกรรม
    • สามารถเห็น “ไขมันเกาะตับ” รูปร่างตับในภาพรวม รวมถึงก้อนเนื้อภายในตับ
- ใช้เวลา: 10–15 นาที รอผลประมาณ 1 ชั่วโมง
- เจ็บหรือไม่? ไม่เจ็บเลย เป็นการตรวจจากภายนอกหน้าท้อง
- เตรียมตัวอย่างไร? อาจต้องงดน้ำหรืออาหารล่วงหน้า 6 ชั่วโมง (ตามคำแนะนำแพทย์)

3. FibroScan ตรวจพังผืดและปริมาณไขมันในตับ

    • เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้วัดค่าความแข็ง (พังผืด) และไขมันในตับโดยตรง
    • คล้ายการอัลตราซาวด์ แต่ให้ข้อมูลละเอียดขึ้น เช่น การประเมินพังผืดที่ตับ
    • เหมาะกับผู้ที่ต้องการประเมินความรุนแรงของโรค หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้มีเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง น้ำหนักเกิน
- ใช้เวลา: 10–20 นาที สามารถรอฟังผลได้เลยหลังการตรวจ
- เจ็บหรือไม่? ไม่เจ็บเลย ไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ใช้รังสี
- เตรียมตัวอย่างไร? งดอาหารก่อนตรวจประมาณ 3–6 ชั่วโมง

แล้วควรตรวจเมื่อไร?

หมอแนะนำให้ เริ่มตรวจสุขภาพตับ หากคุณมีปัจจัยเสี่ยง เช่น
    • ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
    • น้ำหนักเกิน หรือมีภาวะอ้วนลงพุง
    • เป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือความดันโลหิตสูง
    • พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีความเครียดเรื้อรัง
    • ตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบค่าตับผิดปกติ

ดูแลตับต่ออย่างไรดี?

หากพบว่าคุณมีภาวะไขมันพอกตับ หรือค่าตับผิดปกติ หมอแนะนำให้
    • ปรับพฤติกรรม เช่น ลดอาหารมัน หวาน แอลกอฮอล์
    • เพิ่มการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    • พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด
    • ตรวจติดตามผลเลือดและภาพตับอย่างต่อเนื่อง
    • ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล

รู้เร็ว ดูแลเร็ว ตับฟื้นตัวได้

ไขมันพอกตับในระยะแรกสามารถ “กลับมาสู่ภาวะปกติได้” หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง
อย่ารอให้โรคพัฒนาไปสู่ “ตับอักเสบ” “ตับแข็ง” หรือ “มะเร็งตับ” เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ตับอาจเสียหายจนแก้ไขไม่ได้

ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 01/08/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. วราวุฒิ บูรณวุฒิ

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา

โปรแกรมอื่นๆ