เข้าใจการใช้ยาในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
เคมีบำบัด ยาแบบจำเพาะ และผลข้างเคียงที่ควรรู้
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ได้มีแค่การผ่าตัดเท่านั้น “การใช้ยา” ก็มีบทบาทสำคัญในการควบคุมโรค ลดโอกาสลุกลาม และเพิ่มโอกาสหายขาดในหลายกรณี
ทำไมต้องใช้ยาในการรักษา?
ยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ไม่ได้มีเพียงแบบเดียว และไม่ได้ใช้ในทุกคน แต่ถ้าถึงจุดที่แพทย์แนะนำให้ใช้ยา…ก็เพราะต้องการให้การดูแลมีประสิทธิภาพที่สุด เช่น
• กำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจยังหลงเหลืออยู่หลังการผ่าตัด
• ลดขนาดของก้อนเนื้อก่อนผ่าตัด เพื่อให้การผ่าตัดง่ายขึ้น
• ควบคุมไม่ให้โรคแพร่กระจายไปไกลขึ้น
• หรือช่วยยืดระยะเวลาชีวิตและลดอาการในระยะที่ไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว
ประเภทและผลข้างเคียงที่อาจพบ เมื่อใช้ยาในการรักษา
1. เคมีบำบัด (Chemotherapy)
ใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในระยะลุกลาม
ผลข้างเคียง: คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ผมบาง อ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันลดลง เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
2. ยาแบบจำเพาะ (Targeted Therapy)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับจุดที่เซลล์มะเร็งผิดปกติ เช่น โปรตีนหรือยีนบางชนิด
ผลข้างเคียง: ผื่นผิวหนัง ผิวแห้ง ท้องเสีย ความดันโลหิตสูง หรือปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด
3. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมองเห็นเซลล์มะเร็ง และกำจัดได้เอง
ผลข้างเคียง: หากภูมิคุ้มกันทำงานมากเกินไป อาจทำให้อวัยวะบางส่วนเกิดการอักเสบ เช่น ปอด ลำไส้ ตับ หรือผิวหนัง
แนวทางการเลือกใช้ยาแต่ละประเภท
แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาจากหลายส่วนร่วมกัน ได้แก่
• ระยะของโรคว่าอยู่ในขั้นไหน
• ลักษณะของเซลล์มะเร็ง และผลตรวจยีนบางตัว เช่น KRAS, MSI
• สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อยา
เพราะฉะนั้นแผนการรักษาจึงออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ทั้งปลอดภัยและเห็นผลดีที่สุด
ยาเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการดูแลมะเร็งลำไส้ใหญ่
แม้ว่าการผ่าตัดมักเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาในหลาย ๆ ราย แต่การใช้ยาก็เป็นเหมือน “ตัวช่วยเสริม” ที่เข้ามาเติมเต็มแผนการรักษาให้ครบถ้วนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเคมีบำบัด ยาแบบจำเพาะ หรือภูมิคุ้มกันบำบัด ล้วนมีบทบาทสำคัญที่ต่างกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจและร่วมวางแผนกับทีมแพทย์ เพื่อให้รักษาได้ตรงจุด และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
ข้อแนะนำจากแพทย์
หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ และกำลังอยู่ในขั้นตอนตัดสินใจเรื่อง “การใช้ยา” ขอแนะนำให้พูดคุยกับแพทย์เฉพาะทางโดยตรง เพื่อเข้าใจว่าทางเลือกไหนเหมาะกับร่างกายและโรคในระยะนั้นจริง ๆ
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ได้มีแค่การผ่าตัดเท่านั้น “การใช้ยา” ก็มีบทบาทสำคัญในการควบคุมโรค ลดโอกาสลุกลาม และเพิ่มโอกาสหายขาดในหลายกรณี
ทำไมต้องใช้ยาในการรักษา?
ยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ ไม่ได้มีเพียงแบบเดียว และไม่ได้ใช้ในทุกคน แต่ถ้าถึงจุดที่แพทย์แนะนำให้ใช้ยา…ก็เพราะต้องการให้การดูแลมีประสิทธิภาพที่สุด เช่น
• กำจัดเซลล์มะเร็งที่อาจยังหลงเหลืออยู่หลังการผ่าตัด
• ลดขนาดของก้อนเนื้อก่อนผ่าตัด เพื่อให้การผ่าตัดง่ายขึ้น
• ควบคุมไม่ให้โรคแพร่กระจายไปไกลขึ้น
• หรือช่วยยืดระยะเวลาชีวิตและลดอาการในระยะที่ไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว
ประเภทและผลข้างเคียงที่อาจพบ เมื่อใช้ยาในการรักษา
1. เคมีบำบัด (Chemotherapy)
ใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในระยะลุกลาม
ผลข้างเคียง: คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ผมบาง อ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันลดลง เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
2. ยาแบบจำเพาะ (Targeted Therapy)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับจุดที่เซลล์มะเร็งผิดปกติ เช่น โปรตีนหรือยีนบางชนิด
ผลข้างเคียง: ผื่นผิวหนัง ผิวแห้ง ท้องเสีย ความดันโลหิตสูง หรือปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด
3. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมองเห็นเซลล์มะเร็ง และกำจัดได้เอง
ผลข้างเคียง: หากภูมิคุ้มกันทำงานมากเกินไป อาจทำให้อวัยวะบางส่วนเกิดการอักเสบ เช่น ปอด ลำไส้ ตับ หรือผิวหนัง
แนวทางการเลือกใช้ยาแต่ละประเภท
แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาจากหลายส่วนร่วมกัน ได้แก่
• ระยะของโรคว่าอยู่ในขั้นไหน
• ลักษณะของเซลล์มะเร็ง และผลตรวจยีนบางตัว เช่น KRAS, MSI
• สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และการตอบสนองต่อยา
เพราะฉะนั้นแผนการรักษาจึงออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ทั้งปลอดภัยและเห็นผลดีที่สุด
ยาเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการดูแลมะเร็งลำไส้ใหญ่
แม้ว่าการผ่าตัดมักเป็นจุดเริ่มต้นของการรักษาในหลาย ๆ ราย แต่การใช้ยาก็เป็นเหมือน “ตัวช่วยเสริม” ที่เข้ามาเติมเต็มแผนการรักษาให้ครบถ้วนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเคมีบำบัด ยาแบบจำเพาะ หรือภูมิคุ้มกันบำบัด ล้วนมีบทบาทสำคัญที่ต่างกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจและร่วมวางแผนกับทีมแพทย์ เพื่อให้รักษาได้ตรงจุด และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
ข้อแนะนำจากแพทย์
หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ และกำลังอยู่ในขั้นตอนตัดสินใจเรื่อง “การใช้ยา” ขอแนะนำให้พูดคุยกับแพทย์เฉพาะทางโดยตรง เพื่อเข้าใจว่าทางเลือกไหนเหมาะกับร่างกายและโรคในระยะนั้นจริง ๆ
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 02/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร