ตรวจวัดกรดในหลอดอาหารคืออะไร? เจ็บไหม…ต่างจากส่องกล้องอย่างไร?

บางครั้ง อาการที่รบกวนเราอยู่ทุกวัน อาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด

คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหม…

• แสบคอเรื้อรัง
• รู้สึกเหมือนมีก้อนในคอ
• ไอแห้ง ๆ เสียงแหบโดยไม่ทราบสาเหตุ
• หรือเรอบ่อยจนน่ารำคาญ

หลายคนอาจคิดว่า “ไม่น่าจะใช่กรดไหลย้อน เพราะไม่ได้แสบอก” แต่ในความเป็นจริง อาการที่กล่าวมาอาจเป็น กรดไหลย้อนแบบเงียบ (Silent Reflux) ซึ่งมักตรวจไม่เจอด้วยวิธีทั่วไป และการรักษาด้วยยาอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
หากคุณอยู่ในภาวะแบบนี้มานาน การตรวจวินิจฉัยให้ “ถึงต้นตอ” จะช่วยให้เข้าใจสาเหตุอย่างชัดเจน และวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ คำถามที่พบได้บ่อยจากผู้ป่วยคือ “ควรเลือกตรวจแบบไหนดี?” หรือ  “จำเป็นต้องส่องกล้องไหม?”  ซึ่งในทางการแพทย์ การส่องกล้อง (Gastroscopy) และการตรวจวัดค่าความเป็นกรดในหลอดอาหาร (pH Monitoring) ต่างก็มีข้อบ่งชี้และข้อดีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละคน

pH Monitoring vs Gastroscopy ต่างกันยังไง? ตรวจแบบไหนดี?

pH Monitoring – ตรวจวัดกรดในหลอดอาหารแบบ 24 ชั่วโมง

การตรวจนี้ฟังดูอาจใหม่ แต่จริง ๆ แล้วเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของแพทย์ด้านระบบทางเดินอาหาร โดยใช้สายตรวจขนาดเล็กใส่ผ่านจมูก เชื่อมต่อกับเครื่องบันทึกข้อมูลที่ผู้ป่วยพกไว้ตลอดวัน เพื่อวัดระดับกรดที่อาจไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะอย่างต่อเนื่อง

เหมาะกับใคร?

• คนที่มีอาการไม่ชัดเจน เช่น เสียงแหบ ไอแห้ง เรอบ่อย
• เคยรักษากรดไหลย้อนแต่ยังไม่ดีขึ้น
• ต้องการรู้ว่าอาการสัมพันธ์กับกรดไหลย้อนจริงไหม

ข้อดีที่ควรรู้

• วัดระดับกรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง
• วิเคราะห์ช่วงเวลาที่อาการเกิดขึ้นได้แม่นยำ
• ไม่ต้องวางยาสลบ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  
  

Gastroscopy – การส่องกล้องหลอดอาหาร

เป็นการตรวจด้วยกล้องขนาดเล็กที่แพทย์จะใส่ผ่านปาก เพื่อตรวจดูสภาพเยื่อบุในหลอดอาหาร กระเพาะ และลำไส้เล็กส่วนต้นโดยตรง ซึ่งช่วยให้เห็นแผล รอยอักเสบ หรือสิ่งผิดปกติ เช่น ติ่งเนื้อหรือเนื้องอก ได้ชัดเจน

เหมาะกับใคร?

• มีอาการแสบหน้าอกมาก น้ำหนักลด
• สงสัยว่าเป็นแผลหรือเนื้องอก
• ต้องการตรวจลึกไปถึงกระเพาะอาหารและลำไส้

ข้อดีที่ควรรู้

• เห็นภาพจริงภายในหลอดอาหารและกระเพาะ
• ใช้ตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจหาความผิดปกติได้

“บางคนมีอาการมานานแต่ไม่รู้ว่าเกิดจากกรดไหลย้อน เพราะอาการไม่ได้ ‘ชัด’ เหมือนเคสทั่วไป การตรวจ pH Monitoring จะช่วยให้เราเห็นหลักฐานของกรดไหลย้อนแบบเป็นรูปธรรม ขณะที่การส่องกล้องช่วยให้ตรวจหาความผิดปกติทางกายภาพได้ลึกขึ้น ทั้งสองแบบจึงมีบทบาทต่างกัน และเลือกใช้ให้เหมาะกับอาการของแต่ละคนครับ”

ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777