• banner

เหนื่อยง่าย เท้าบวม หายใจไม่อิ่ม...ใช่หัวใจล้มเหลวหรือเปล่า?

คุณเคยรู้สึกไหมว่าแค่เดินขึ้นบันไดเพียงไม่กี่ขั้นก็เหนื่อยหอบจนต้องหยุดพัก? หรือบางวันรองเท้าที่เคยใส่สบาย กลับคับแน่นเพราะเท้าบวมจนแปลกใจ? หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงเรื่อง “อายุมากขึ้น” หรือ “ร่างกายอ่อนเพลียชั่วคราว” แต่ความจริงแล้ว อาการเหล่านี้อาจเป็น สัญญาณเตือนของโรคหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ซึ่งไม่ควรมองข้าม

หัวใจล้มเหลวไม่ใช่ภาวะหัวใจหยุดเต้นทันที แต่คือภาวะที่หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มที่ เลือดและออกซิเจนจึงไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง ของเหลวคั่งในปอดและส่วนปลายอย่างเท้าและข้อเท้า ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม และเท้าบวมได้

หัวใจล้มเหลวคืออะไร?

หัวใจล้มเหลว (Heart Failure) หมายถึงภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหรือแข็งตัวจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • ไม่ใช่หัวใจหยุดเต้นทันที แต่เป็นโรคเรื้อรังที่ค่อย ๆ แสดงอาการ
  • พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคลิ้นหัวใจ

อาการที่ควรสังเกต

1. เหนื่อยง่ายผิดปกติ

เมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อย ร่างกายจะขาดออกซิเจน ทำให้เกิดอาการเหนื่อยเพลียง่ายแม้ทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินหรือขึ้นบันได

2. หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก

ของเหลวที่คั่งในปอดทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเวลานอนราบ บางคนต้องนอนหนุนหมอนสูง หรือสะดุ้งตื่นกลางคืนเพราะหายใจไม่ออก

3. เท้าและข้อเท้าบวม

เลือดไหลกลับจากขาไม่ทัน ทำให้น้ำคั่งในเนื้อเยื่อ เกิดอาการบวมที่ข้อเท้าและเท้า ซึ่งมักชัดเจนตอนเย็นหลังยืนนาน หากกดลงไปจะเป็นรอยบุ๋ม (pitting edema)

4. น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว

การสะสมของของเหลวอาจทำให้น้ำหนักขึ้น 1–2 กิโลกรัมภายในไม่กี่วันโดยไม่เกี่ยวกับการกินอาหารมากขึ้น

5. อาการอื่น ๆ ที่มักพบ

  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
  • อ่อนเพลียเรื้อรัง สมาธิลดลง
  • เบื่ออาหาร ท้องอืด คลื่นไส้ เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหารไม่เพียงพอ

ทำไมถึงไม่ควรมองข้าม?

หัวใจล้มเหลวหากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น
  • ปอดบวมน้ำเฉียบพลัน หายใจไม่ออก ต้องเข้ารับการรักษาด่วน
  • ไตและตับเสียหาย เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ และตับ ไต บวมน้ำ
  • เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและหัวใจหยุดเต้น
อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นหัวใจล้มเหลว?

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีประวัติกล้ามเนื้อหัวใจตาย (หัวใจขาดเลือด)
  • ผู้สูงอายุ
  • คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก ไม่ออกกำลังกาย

ควรทำอย่างไรหากสงสัยว่าตนเองมีอาการ?

1. พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

  • การตรวจร่างกาย
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
  • อัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram)
  • ตรวจเลือด เช่น BNP หรือ NT-proBNP 

   2. ดูแลตัวเองควบคู่ไปกับการรักษา

  • จำกัดเกลือและโซเดียมในอาหาร เพื่อลดการบวมน้ำ
  • ควบคุมน้ำหนักตัว และชั่งน้ำหนักทุกวัน หากขึ้นมากกว่า 2 กิโลกรัมในไม่กี่วัน ควรแจ้งแพทย์
  • ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินช้า ๆ หรือโยคะ ตามคำแนะนำแพทย์
  • เลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

เหนื่อยง่าย เท้าบวม หายใจไม่อิ่ม อาจไม่ใช่แค่ “ความแก่” หรือ “พักผ่อนน้อย” แต่เป็นสัญญาณเตือนของ ภาวะหัวใจล้มเหลว ที่ต้องใส่ใจ หากสังเกตว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อย หรือรุนแรงขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะการตรวจพบและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และยังทำให้คุณใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีพลัง

“หัวใจแข็งแรง = ชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพ อย่าปล่อยให้อาการเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่ครับ”

ศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 05/09/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. พีรวัส ภูวัตณัฐสิทธิ์

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคหัวใจ

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา

โปรแกรมอื่นๆ