เหนื่อยง่าย เท้าบวม หายใจไม่อิ่ม...ใช่หัวใจล้มเหลวหรือเปล่า?
คุณเคยรู้สึกไหมว่าแค่เดินขึ้นบันไดเพียงไม่กี่ขั้นก็เหนื่อยหอบจนต้องหยุดพัก? หรือบางวันรองเท้าที่เคยใส่สบาย กลับคับแน่นเพราะเท้าบวมจนแปลกใจ? หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงเรื่อง “อายุมากขึ้น” หรือ “ร่างกายอ่อนเพลียชั่วคราว” แต่ความจริงแล้ว อาการเหล่านี้อาจเป็น สัญญาณเตือนของโรคหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ซึ่งไม่ควรมองข้าม
หัวใจล้มเหลวไม่ใช่ภาวะหัวใจหยุดเต้นทันที แต่คือภาวะที่หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มที่ เลือดและออกซิเจนจึงไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง ของเหลวคั่งในปอดและส่วนปลายอย่างเท้าและข้อเท้า ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม และเท้าบวมได้
เหนื่อยง่าย เท้าบวม หายใจไม่อิ่ม อาจไม่ใช่แค่ “ความแก่” หรือ “พักผ่อนน้อย” แต่เป็นสัญญาณเตือนของ ภาวะหัวใจล้มเหลว ที่ต้องใส่ใจ หากสังเกตว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อย หรือรุนแรงขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะการตรวจพบและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และยังทำให้คุณใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีพลัง
“หัวใจแข็งแรง = ชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพ อย่าปล่อยให้อาการเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่ครับ”
ศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด
โทร. 0-2265-7777
หัวใจล้มเหลวไม่ใช่ภาวะหัวใจหยุดเต้นทันที แต่คือภาวะที่หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มที่ เลือดและออกซิเจนจึงไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง ของเหลวคั่งในปอดและส่วนปลายอย่างเท้าและข้อเท้า ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม และเท้าบวมได้
หัวใจล้มเหลวคืออะไร?
หัวใจล้มเหลว (Heart Failure) หมายถึงภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหรือแข็งตัวจนไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย- ไม่ใช่หัวใจหยุดเต้นทันที แต่เป็นโรคเรื้อรังที่ค่อย ๆ แสดงอาการ
- พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคลิ้นหัวใจ
อาการที่ควรสังเกต
1. เหนื่อยง่ายผิดปกติ
เมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อย ร่างกายจะขาดออกซิเจน ทำให้เกิดอาการเหนื่อยเพลียง่ายแม้ทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินหรือขึ้นบันได2. หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก
ของเหลวที่คั่งในปอดทำให้รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเวลานอนราบ บางคนต้องนอนหนุนหมอนสูง หรือสะดุ้งตื่นกลางคืนเพราะหายใจไม่ออก3. เท้าและข้อเท้าบวม
เลือดไหลกลับจากขาไม่ทัน ทำให้น้ำคั่งในเนื้อเยื่อ เกิดอาการบวมที่ข้อเท้าและเท้า ซึ่งมักชัดเจนตอนเย็นหลังยืนนาน หากกดลงไปจะเป็นรอยบุ๋ม (pitting edema)4. น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว
การสะสมของของเหลวอาจทำให้น้ำหนักขึ้น 1–2 กิโลกรัมภายในไม่กี่วันโดยไม่เกี่ยวกับการกินอาหารมากขึ้น5. อาการอื่น ๆ ที่มักพบ
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
- อ่อนเพลียเรื้อรัง สมาธิลดลง
- เบื่ออาหาร ท้องอืด คลื่นไส้ เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหารไม่เพียงพอ
ทำไมถึงไม่ควรมองข้าม?
หัวใจล้มเหลวหากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น- ปอดบวมน้ำเฉียบพลัน หายใจไม่ออก ต้องเข้ารับการรักษาด่วน
- ไตและตับเสียหาย เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ และตับ ไต บวมน้ำ
- เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและหัวใจหยุดเต้น
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นหัวใจล้มเหลว?
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่มีประวัติกล้ามเนื้อหัวใจตาย (หัวใจขาดเลือด)
- ผู้สูงอายุ
- คนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก ไม่ออกกำลังกาย
ควรทำอย่างไรหากสงสัยว่าตนเองมีอาการ?
1. พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
- การตรวจร่างกาย
- ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
- อัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram)
- ตรวจเลือด เช่น BNP หรือ NT-proBNP
2. ดูแลตัวเองควบคู่ไปกับการรักษา
- จำกัดเกลือและโซเดียมในอาหาร เพื่อลดการบวมน้ำ
- ควบคุมน้ำหนักตัว และชั่งน้ำหนักทุกวัน หากขึ้นมากกว่า 2 กิโลกรัมในไม่กี่วัน ควรแจ้งแพทย์
- ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินช้า ๆ หรือโยคะ ตามคำแนะนำแพทย์
- เลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
เหนื่อยง่าย เท้าบวม หายใจไม่อิ่ม อาจไม่ใช่แค่ “ความแก่” หรือ “พักผ่อนน้อย” แต่เป็นสัญญาณเตือนของ ภาวะหัวใจล้มเหลว ที่ต้องใส่ใจ หากสังเกตว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อย หรือรุนแรงขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะการตรวจพบและรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และยังทำให้คุณใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีพลัง
“หัวใจแข็งแรง = ชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพ อย่าปล่อยให้อาการเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่ครับ”
ศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือด
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 05/09/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. พีรวัส ภูวัตณัฐสิทธิ์

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคหัวใจ