• banner

สัญญาณเตือนลำไส้อักเสบเรื้อรัง

ในยุคที่ไลฟ์สไตล์ของคนวัยทำงานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 20-40 ปี ที่ต้องรับมือกับความเครียด การกินอาหารนอกบ้าน และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ปัญหาสุขภาพที่หลายคนมองข้ามแต่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ “โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง” (Inflammatory Bowel Disease: IBD) อาการของโรคนี้มักคลุมเครือและคล้ายกับโรคทางเดินอาหารทั่วไป จึงทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ทันสังเกตหรือชะล่าใจจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังคืออะไร?

โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือ IBD คือกลุ่มโรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุทางเดินอาหาร โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
  • โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (Ulcerative Colitis)
  • โรคโครห์น (Crohn’s Disease)
โรคนี้สามารถเกิดได้กับทั้งลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติในการขับถ่ายและดูดซึมอาหาร ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ภาวะโลหิตจาง มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือภาวะขาดสารอาหารได้

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

แม้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ IBD แต่พบว่ามีปัจจัยกระตุ้นสำคัญ ได้แก่
  • ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ร่างกายตอบสนองต่อเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมผิดปกติ จนทำลายเนื้อเยื่อลำไส้ตนเอง
  • พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ โอกาสเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นถึง 20%
  • สิ่งแวดล้อม ความเครียด การสูบบุหรี่ อาหารที่กระตุ้น เช่น นม แอลกอฮอล์ คาเฟอีน
  • การติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาด


สัญญาณเตือนและอาการที่ควรสังเกต

อาการของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังมักเป็นๆ หายๆ และคล้ายกับอาการท้องเสียทั่วไป แต่มีจุดสังเกตสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ ได้แก่
  • ท้องเสียเรื้อรัง ถ่ายเหลว หรือมีมูกเลือดปน
  • ปวดเกร็งช่องท้องบ่อย
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีไข้ต่ำๆ หรือรู้สึกหนาวสั่น
  • เบื่ออาหาร ไม่อยากอาหาร
  • ถ่ายเป็นเลือด
  • อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ
ข้อควรระวัง หากคุณมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นเลือดมาก น้ำหนักลดรวดเร็ว ควรรีบพบแพทย์ทันที

การวินิจฉัยและตรวจสุขภาพ

การวินิจฉัยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังจำเป็นต้องอาศัยการตรวจเพิ่มเติมเพื่อแยกโรคจากภาวะอื่นๆ เช่น อาหารเป็นพิษหรือโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร โดยแพทย์จะพิจารณาตรวจดังนี้
  • ตรวจร่างกายโดยละเอียด โดยเฉพาะบริเวณช่องท้องและทวารหนัก
  • ตรวจเลือด เพื่อดูภาวะโลหิตจางและการอักเสบ
  • ตรวจอุจจาระ เพื่อหาการติดเชื้อหรือเลือดปน
  • การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เพื่อตรวจดูเยื่อบุลำไส้และนำเนื้อเยื่อไปตรวจชิ้นเนื้อ
  • การตรวจภาพวินิจฉัย เช่น CT scan หรือ MRI ในกรณีที่จำเป็น
ข้อดีของการตรวจสุขภาพประจำปี สำหรับกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่มีอาการผิดปกติ การตรวจสุขภาพทางเดินอาหารอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้พบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในอนาคต

การรักษา

การรักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและอาการของแต่ละบุคคล ประกอบด้วย
  • ยาแก้อักเสบและยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ (Steroid) หรือยากลุ่มอื่นตามคำแนะนำของแพทย์
  • ยาปฏิชีวนะ ในกรณีที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รับประทานอาหารที่สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ
  • การผ่าตัด ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ลำไส้ตีบตันหรือมีเนื้องอก


การป้องกันและดูแลตนเอง

แม้จะไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงและควบคุมอาการได้ด้วยวิธีเหล่านี้
  • รับประทานอาหารปรุงสุก สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ
  • ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงความเครียดและงดสูบบุหรี่
  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะหากมีอาการผิดปกติหรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้

โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังเป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน หากคุณสังเกตว่าตนเองมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบขับถ่ายที่เป็นๆ หายๆ อย่าชะล่าใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคนี้


ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตั
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 01/09/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา

โปรแกรมอื่นๆ