สัญญาณเตือนลำไส้อักเสบเรื้อรัง
ในยุคที่ไลฟ์สไตล์ของคนวัยทำงานเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 20-40 ปี ที่ต้องรับมือกับความเครียด การกินอาหารนอกบ้าน และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ปัญหาสุขภาพที่หลายคนมองข้ามแต่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ “โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง” (Inflammatory Bowel Disease: IBD) อาการของโรคนี้มักคลุมเครือและคล้ายกับโรคทางเดินอาหารทั่วไป จึงทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ทันสังเกตหรือชะล่าใจจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
อาการของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังมักเป็นๆ หายๆ และคล้ายกับอาการท้องเสียทั่วไป แต่มีจุดสังเกตสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ ได้แก่
แม้จะไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงและควบคุมอาการได้ด้วยวิธีเหล่านี้
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังเป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน หากคุณสังเกตว่าตนเองมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบขับถ่ายที่เป็นๆ หายๆ อย่าชะล่าใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคนี้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังคืออะไร?
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือ IBD คือกลุ่มโรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุทางเดินอาหาร โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก คือ- โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (Ulcerative Colitis)
- โรคโครห์น (Crohn’s Disease)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
แม้ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ IBD แต่พบว่ามีปัจจัยกระตุ้นสำคัญ ได้แก่- ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ร่างกายตอบสนองต่อเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมผิดปกติ จนทำลายเนื้อเยื่อลำไส้ตนเอง
- พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ โอกาสเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นถึง 20%
- สิ่งแวดล้อม ความเครียด การสูบบุหรี่ อาหารที่กระตุ้น เช่น นม แอลกอฮอล์ คาเฟอีน
- การติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาด
สัญญาณเตือนและอาการที่ควรสังเกต
อาการของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังมักเป็นๆ หายๆ และคล้ายกับอาการท้องเสียทั่วไป แต่มีจุดสังเกตสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ ได้แก่- ท้องเสียเรื้อรัง ถ่ายเหลว หรือมีมูกเลือดปน
- ปวดเกร็งช่องท้องบ่อย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลีย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีไข้ต่ำๆ หรือรู้สึกหนาวสั่น
- เบื่ออาหาร ไม่อยากอาหาร
- ถ่ายเป็นเลือด
- อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเครียดหรือพักผ่อนไม่พอ
การวินิจฉัยและตรวจสุขภาพ
การวินิจฉัยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังจำเป็นต้องอาศัยการตรวจเพิ่มเติมเพื่อแยกโรคจากภาวะอื่นๆ เช่น อาหารเป็นพิษหรือโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร โดยแพทย์จะพิจารณาตรวจดังนี้- ตรวจร่างกายโดยละเอียด โดยเฉพาะบริเวณช่องท้องและทวารหนัก
- ตรวจเลือด เพื่อดูภาวะโลหิตจางและการอักเสบ
- ตรวจอุจจาระ เพื่อหาการติดเชื้อหรือเลือดปน
- การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เพื่อตรวจดูเยื่อบุลำไส้และนำเนื้อเยื่อไปตรวจชิ้นเนื้อ
- การตรวจภาพวินิจฉัย เช่น CT scan หรือ MRI ในกรณีที่จำเป็น
การรักษา
การรักษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและอาการของแต่ละบุคคล ประกอบด้วย- ยาแก้อักเสบและยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ (Steroid) หรือยากลุ่มอื่นตามคำแนะนำของแพทย์
- ยาปฏิชีวนะ ในกรณีที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รับประทานอาหารที่สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ
- การผ่าตัด ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ลำไส้ตีบตันหรือมีเนื้องอก
การป้องกันและดูแลตนเอง
แม้จะไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงและควบคุมอาการได้ด้วยวิธีเหล่านี้- รับประทานอาหารปรุงสุก สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ
- ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงความเครียดและงดสูบบุหรี่
- ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะหากมีอาการผิดปกติหรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังเป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนวัยทำงาน หากคุณสังเกตว่าตนเองมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับระบบขับถ่ายที่เป็นๆ หายๆ อย่าชะล่าใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคนี้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 01/09/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร