“ท้องอืด จุก แน่นเสียด” เป็นบ่อย ๆ อาจไม่ใช่เรื่องปกติ…ระวังเป็นโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) โดยไม่รู้ตัว!
คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหมครับ...กินข้าวกลางวันไปไม่นาน ก็แน่นท้อง อึดอัด
บางทีก็จุกกลางลำตัว หรือเสียด ๆ ตอนเช้า ทั้งที่ไม่ได้กินเผ็ด กินดึก หรือของแสลงเลย
หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กหรือโทษตัวเองว่า “คงเครียด พักผ่อนน้อย กินเร็วอีกแล้ว”แต่อาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของโรคที่หลายคนยังไม่รู้จักดี โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS)
ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ ความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาทลำไส้ ที่ควบคุมการบีบตัว การเคลื่อนตัว และความรู้สึกภายในช่องท้อง เมื่อระบบนี้ผิดจังหวะ ก็เกิดอาการต่าง ๆ เช่น
• แน่นท้อง หรือจุกลิ้นปี่
• เสียดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ
• ท้องผูกสลับท้องเสีย หรือถ่ายบ่อย
• ถ่ายไม่สุด รู้สึกต้องกลับไปถ่ายซ้ำอีก
• กินเร็ว เคี้ยวไม่ละเอียด
เพิ่มอากาศเข้าไปในระบบทางเดินอาหารแบบไม่จำเป็น ทำให้เกิดแก๊สสะสม
• เครียดบ่อย
สมอง–ลำไส้เชื่อมกันผ่านเส้นประสาท กระตุ้นให้เกิดลำไส้แปรปรวน
• พักผ่อนน้อย
ส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ร่างกายรวน ลำไส้จึงทำงานผิดจังหวะ
• ดื่มกาแฟจัด หวานจัด
คาเฟอีนและน้ำตาลสูง อาจกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานไวเกินไป
• ไม่ค่อยขยับร่างกาย
ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นเมื่อร่างกายมีการเคลื่อนไหว
• ท้องอืด แน่นท้องบ่อย
• ปวดท้องดีขึ้นหลังขับถ่าย
• ถ่ายเหลวในตอนเช้า หรือท้องผูกสลับถ่ายบ่อย
• รู้สึกไม่สบายท้องซ้ำ ๆ โดยไม่มีสาเหตุ
• อาการสัมพันธ์กับความเครียดหรือพฤติกรรมเดิม ๆ
หากคุณมี 3 ข้อขึ้นไป แนะนำให้พบแพทย์ระบบทางเดินอาหาร เพราะการวินิจฉัยที่แม่นยำคือกุญแจสำคัญของการดูแลที่ถูกจุด
• เคี้ยวช้า – หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น
เช่น ของทอดจัด นมวัว น้ำตาลแอลกอฮอล์
• รู้จักกลุ่ม FODMAPs
เช่น หอม กระเทียม แอปเปิ้ล ถั่วบางชนิด บางคนอาจไวต่ออาหารเหล่านี้
• ลดความเครียด – เพิ่มการเคลื่อนไหว
หายใจลึก เดินเบา ๆ ฝึกสมาธิ พักผ่อนให้เพียงพอ
• จดบันทึกอาการและอาหารที่กิน
เพื่อเชื่อมโยงสิ่งที่กระตุ้นอาการได้แม่นยำขึ้น
รับฟังลำไส้อย่างตั้งใจ
อย่าละเลยสัญญาณความผิดปกติ
เพราะคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ เริ่มจากลำไส้ที่สมดุลครับ
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
บางทีก็จุกกลางลำตัว หรือเสียด ๆ ตอนเช้า ทั้งที่ไม่ได้กินเผ็ด กินดึก หรือของแสลงเลย
หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กหรือโทษตัวเองว่า “คงเครียด พักผ่อนน้อย กินเร็วอีกแล้ว”แต่อาการเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณของโรคที่หลายคนยังไม่รู้จักดี โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS)
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) คืออะไร ทำไมไม่ควรมองข้าม?
โรคนี้ไม่ใช่การอักเสบ ไม่ใช่มะเร็ง และไม่สามารถตรวจพบด้วยเอกซเรย์หรือส่องกล้องทั่วไป แต่ผู้ป่วยจะมีอาการจริง เจ็บจริง เช่น ท้องอืด ท้องเสีย หรือท้องผูกเรื้อรัง อย่างมีนัยสำคัญลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ ความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาทลำไส้ ที่ควบคุมการบีบตัว การเคลื่อนตัว และความรู้สึกภายในช่องท้อง เมื่อระบบนี้ผิดจังหวะ ก็เกิดอาการต่าง ๆ เช่น
• แน่นท้อง หรือจุกลิ้นปี่
• เสียดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ
• ท้องผูกสลับท้องเสีย หรือถ่ายบ่อย
• ถ่ายไม่สุด รู้สึกต้องกลับไปถ่ายซ้ำอีก
อะไรคือ “ตัวกระตุ้น” อาการของโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)?
จากประสบการณ์ของแพทย์ระบบทางเดินอาหาร พบว่าในกลุ่มวัยทำงานและนักศึกษา มักมีพฤติกรรมที่กระตุ้นอาการของ IBS โดยไม่รู้ตัว ได้แก่• กินเร็ว เคี้ยวไม่ละเอียด
เพิ่มอากาศเข้าไปในระบบทางเดินอาหารแบบไม่จำเป็น ทำให้เกิดแก๊สสะสม
• เครียดบ่อย
สมอง–ลำไส้เชื่อมกันผ่านเส้นประสาท กระตุ้นให้เกิดลำไส้แปรปรวน
• พักผ่อนน้อย
ส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ร่างกายรวน ลำไส้จึงทำงานผิดจังหวะ
• ดื่มกาแฟจัด หวานจัด
คาเฟอีนและน้ำตาลสูง อาจกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานไวเกินไป
• ไม่ค่อยขยับร่างกาย
ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นเมื่อร่างกายมีการเคลื่อนไหว
เช็กอาการเบื้องต้น — คุณเข้าข่าย IBS หรือไม่?
หากมีอาการเหล่านี้นานกว่า 3 เดือน และตรวจไม่พบโรคอื่นที่ชัดเจน มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ครับ• ท้องอืด แน่นท้องบ่อย
• ปวดท้องดีขึ้นหลังขับถ่าย
• ถ่ายเหลวในตอนเช้า หรือท้องผูกสลับถ่ายบ่อย
• รู้สึกไม่สบายท้องซ้ำ ๆ โดยไม่มีสาเหตุ
• อาการสัมพันธ์กับความเครียดหรือพฤติกรรมเดิม ๆ
หากคุณมี 3 ข้อขึ้นไป แนะนำให้พบแพทย์ระบบทางเดินอาหาร เพราะการวินิจฉัยที่แม่นยำคือกุญแจสำคัญของการดูแลที่ถูกจุด
ดูแลตัวเองอย่างไร หากสงสัยว่าเป็น IBS?
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) แม้รักษาไม่หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการให้ดีขึ้นได้ ด้วยการดูแลที่เหมาะสม:• เคี้ยวช้า – หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น
เช่น ของทอดจัด นมวัว น้ำตาลแอลกอฮอล์
• รู้จักกลุ่ม FODMAPs
เช่น หอม กระเทียม แอปเปิ้ล ถั่วบางชนิด บางคนอาจไวต่ออาหารเหล่านี้
• ลดความเครียด – เพิ่มการเคลื่อนไหว
หายใจลึก เดินเบา ๆ ฝึกสมาธิ พักผ่อนให้เพียงพอ
• จดบันทึกอาการและอาหารที่กิน
เพื่อเชื่อมโยงสิ่งที่กระตุ้นอาการได้แม่นยำขึ้น
อาการของ IBS อาจคล้ายโรคอื่น เช่น
กรดไหลย้อน มะเร็งลำไส้ หรือแผลในกระเพาะอาหาร การพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้คุณมั่นใจ และเริ่มดูแลลำไส้ของตัวเองได้อย่างตรงจุดรับฟังลำไส้อย่างตั้งใจ
อย่าละเลยสัญญาณความผิดปกติ
เพราะคุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ เริ่มจากลำไส้ที่สมดุลครับ
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 08/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. เกษม แสงหิรัญวัฒนา

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร