เปลี่ยนข้อเข่า หรือรักษาแบบไม่ผ่าตัด แบบไหนใช่สำหรับคุณ?
อาการปวดเข่าไม่ใช่เรื่องเล็ก หลายคนอาจเคยผ่านการกินยา ทำกายภาพบำบัด หรือฉีดยาลดการอักเสบมาแล้ว แต่บางครั้งอาการก็ยังรบกวนการใช้ชีวิต คำถามที่ตามมาคือ “ควรเปลี่ยนข้อเข่าเลย หรือยังพอมีวิธีดูแลแบบไม่ผ่าตัดที่เหมาะกับเรา?” บทความนี้จะชวนมาทำความเข้าใจว่า แนวทางการรักษามีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องรีบไปถึงการผ่าตัดทันที แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้อาการเรื้อรังจนส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
1. ปรับพฤติกรรมและน้ำหนักตัว
น้ำหนักที่มากเกินไปจะกดทับข้อเข่า การลดน้ำหนักเพียง 5–10% ของร่างกาย อาจช่วยลดอาการปวดได้ชัดเจน
2. กายภาพบำบัดและออกกำลังกายเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อ
เช่น การออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อรอบเข่า การปั่นจักรยานเบา ๆ หรือว่ายน้ำ
3. การใช้ยาลดปวดและลดอักเสบ
ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเหมาะสม เพื่อบรรเทาอาการในระยะสั้น
4. การฉีดยาเข้าข้อ
เช่น สเตียรอยด์เพื่อลดอักเสบ หรือสารหล่อลื่น (Hyaluronic acid) เพื่อลดการเสียดสีในข้อ
5. อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อ
เช่น ไม้เท้า สนับเข่า หรือรองเท้าที่ออกแบบเฉพาะเพื่อลดแรงกระแทก
การรักษาเหล่านี้เหมาะกับผู้ที่อาการยังไม่รุนแรงมาก หรือยังไม่พร้อมต่อการผ่าตัด
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า (Total Knee Replacement) เป็นการนำผิวข้อที่สึกหรอออก แล้วใส่ข้อเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกคุณภาพสูงเข้าไปแทน โดยแพทย์จะพิจารณาในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการดังนี้
การรักษาข้อเข่าเสื่อมไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มี “วิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน” การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านข้อเข่าอย่างละเอียด เป็นก้าวแรกที่จะช่วยให้คุณเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
ศูนย์โรคกระดูกและข้อ
โทร. 0-2265-7777
สัญญาณที่บอกว่า “ข้อเข่าเสื่อม” กำลังรบกวนชีวิต
ข้อเข่าเสื่อมเกิดจากการที่กระดูกอ่อนผิวข้อถูกใช้งานจนสึกหรอ ทำให้เกิดอาการ เช่น- ปวดเข่าเวลาเดินหรือขึ้นลงบันได
- มีเสียงดังกรอบแกรบในข้อ
- เข่าบวม ตึง เคลื่อนไหวไม่สะดวก
- นั่งพับเพียบหรือนั่งขัดสมาธิลำบาก
- ปวดแม้ขณะพักหรือนอน
การรักษาแบบ “ไม่ผ่าตัด” เหมาะกับใคร?
การดูแลแบบไม่ผ่าตัด มักเป็นตัวเลือกแรกสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยแนวทางที่แพทย์มักแนะนำ ได้แก่1. ปรับพฤติกรรมและน้ำหนักตัว
น้ำหนักที่มากเกินไปจะกดทับข้อเข่า การลดน้ำหนักเพียง 5–10% ของร่างกาย อาจช่วยลดอาการปวดได้ชัดเจน
2. กายภาพบำบัดและออกกำลังกายเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อ
เช่น การออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อรอบเข่า การปั่นจักรยานเบา ๆ หรือว่ายน้ำ
3. การใช้ยาลดปวดและลดอักเสบ
ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเหมาะสม เพื่อบรรเทาอาการในระยะสั้น
4. การฉีดยาเข้าข้อ
เช่น สเตียรอยด์เพื่อลดอักเสบ หรือสารหล่อลื่น (Hyaluronic acid) เพื่อลดการเสียดสีในข้อ
5. อุปกรณ์ช่วยพยุงข้อ
เช่น ไม้เท้า สนับเข่า หรือรองเท้าที่ออกแบบเฉพาะเพื่อลดแรงกระแทก
การรักษาเหล่านี้เหมาะกับผู้ที่อาการยังไม่รุนแรงมาก หรือยังไม่พร้อมต่อการผ่าตัด
เมื่อใดที่แพทย์จะแนะนำให้ “เปลี่ยนข้อเข่า”?
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า (Total Knee Replacement) เป็นการนำผิวข้อที่สึกหรอออก แล้วใส่ข้อเทียมที่ทำจากโลหะและพลาสติกคุณภาพสูงเข้าไปแทน โดยแพทย์จะพิจารณาในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการดังนี้- ปวดมากจนรบกวนการนอนหรือการเดินในชีวิตประจำวัน
- ข้อเข่าโก่งผิดรูป เดินลำบาก
- รักษาด้วยวิธีไม่ผ่าตัดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ดีขึ้น
- อายุข้อเข่าเสื่อมถึงระดับรุนแรง ตามผลเอกซเรย์
เทคโนโลยีใหม่ช่วยให้ผ่าตัดปลอดภัยและฟื้นตัวเร็วขึ้น
ปัจจุบัน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าได้รับการพัฒนาไปมาก เช่น- การผ่าตัดแบบแผลเล็ก (Minimally Invasive) ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
- เทคนิคการควบคุมอาการปวด ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้เร็วภายใน 1–2 วัน
เปลี่ยนข้อเข่า หรือไม่เปลี่ยนดี?
การตัดสินใจไม่ควรขึ้นอยู่กับความกลัวหรือความกังวล แต่ควรอยู่บนพื้นฐานของอาการจริงและคุณภาพชีวิตที่ต้องการ หากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดยังช่วยให้ใช้ชีวิตได้ดี ก็อาจเลือกวิธีนั้นไปก่อน แต่ถ้าอาการเรื้อรังจนรบกวนทุกวัน การเปลี่ยนข้อเข่าอาจเป็นคำตอบที่ช่วยให้คุณกลับมาเดินได้อย่างมั่นใจการรักษาข้อเข่าเสื่อมไม่มีวิธีใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มี “วิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน” การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านข้อเข่าอย่างละเอียด เป็นก้าวแรกที่จะช่วยให้คุณเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด
ศูนย์โรคกระดูกและข้อ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคกระดูกและข้อ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 17/11/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. พิเชษฐ์ ศิริวัฒนสกุล
ความถนัดเฉพาะทาง
ศัลยแพทย์โรคกระดูกและข้อ





