มะเร็งตับมีอาการยังไง? รู้เร็ว ตรวจเร็ว รักษาได้
อาการของมะเร็งตับมักไม่ชัดเจนในระยะแรก…แต่หากรอจนชัดเกินไป อาจเสียโอกาสในการรักษาที่ได้ผลดี
อาการของมะเร็งตับที่พบได้บ่อย
ในฐานะแพทย์ อยากชวนให้คุณลองสังเกตร่างกายตัวเองดูนะครับ เพราะ มะเร็งตับในระยะแรกมักไม่ส่งสัญญาณอะไรที่ชัดเจนเลย แต่เมื่อโรคพัฒนา เรามักจะพบอาการเหล่านี้เกิดขึ้น
1. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายผิดปกติ
แม้นอนพอ พักผ่อนเพียงพอ แต่รู้สึกไม่มีแรง เหนื่อยล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ
2. แน่นท้อง จุกชายโครงขวา
อาจรู้สึกอึดอัดตรงชายโครงด้านขวา จุกแน่นบ่อย ๆ คล้ายอาหารไม่ย่อย แต่เป็นแบบเรื้อรัง
3. เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
กินได้น้อยลง ไม่มีแรงจูงใจในการกิน น้ำหนักค่อย ๆ ลดทั้งที่ไม่ได้ควบคุมอาหาร
4. หน้าท้องโตขึ้น / ท้องบวม
โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องขวาหรือชายโครงขวา อาจเกิดจากน้ำในช่องท้อง
5. ตัวเหลือง ตาเหลือง
เป็นสัญญาณว่าการทำงานของตับเริ่มผิดปกติแล้ว — อาการนี้มักพบในระยะโรคลุกลาม
หากคุณมีอาการมากกว่า 1 ข้อ หรือมีอาการแบบเรื้อรังหลายสัปดาห์ ผมขอแนะนำให้มาตรวจประเมินโดยเร็วที่สุด เพราะหากตรวจพบเร็ว การรักษาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การตรวจอะไรบ้าง? ที่ช่วยประเมินความเสี่ยงการเป็นมะเร็งตับ
การตรวจสุขภาพตับสามารถช่วยให้เรารู้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ตับอักเสบเรื้อรัง ตับคั่งไขมัน หรือมีอาการผิดปกติไม่ชัดเจน ต่อไปนี้คือการตรวจที่แพทย์แนะนำ
1. ตรวจเลือดดูค่าตับ (Liver Test)
• AST, ALT → บอกระดับการอักเสบของตับ
• ALP → ประเมินภาวะท่อลำเลียงน้ำดี
• Bilirubin → ช่วยประเมินภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง
• ALB, GLB ประเมินการสังเคราะห์โปรตีนของตับ
2. ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP – Alpha-Fetoprotein)
ค่าที่สูงกว่าปกติอาจสัมพันธ์กับมะเร็งตับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีไวรัสตับอักเสบหรือตับแข็ง
3. อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Ultrasound)
เป็นการตรวจที่ไม่เจ็บ ช่วยดูลักษณะของตับ ความเรียบของผิวตับ และมีก้อนผิดปกติหรือไม่
4.ไฟโบรสแกน (FibroScan)
ใช้คลื่นเสียงคล้าย ultrasound ช่วยดูระดับไขมันและผังผืดในตับ
5. CT Scan หรือ MRI ตับ (ในกรณีจำเป็น)
ใช้กรณีพบสิ่งผิดปกติจากการตรวจเบื้องต้น เพื่อดูรายละเอียดของก้อนหรือเนื้อตับเพิ่มเติม
ป้องกันมะเร็งตับ เริ่มต้นได้ทันที
คุณไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการชัดเจนจึงจะมาตรวจการรู้ก่อน ย่อมให้โอกาสในการดูแลรักษาได้ดีกว่าเสมอครับ
• ตรวจเช็กปีละครั้ง โดยเฉพาะถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น ไวรัสตับอักเสบ ตับคั่งไขมัน หรือประวัติคนในครอบครัว
• ดูแลตับด้วยพฤติกรรมที่ดี เช่น งดแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่เหมาะสม
อย่าปล่อยให้อาการเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
หากคุณรู้สึกไม่แน่ใจ อยากให้เราช่วยประเมินสุขภาพตับ เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแลคุณอย่างรอบด้าน
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
อาการของมะเร็งตับที่พบได้บ่อย
ในฐานะแพทย์ อยากชวนให้คุณลองสังเกตร่างกายตัวเองดูนะครับ เพราะ มะเร็งตับในระยะแรกมักไม่ส่งสัญญาณอะไรที่ชัดเจนเลย แต่เมื่อโรคพัฒนา เรามักจะพบอาการเหล่านี้เกิดขึ้น
1. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายผิดปกติ
แม้นอนพอ พักผ่อนเพียงพอ แต่รู้สึกไม่มีแรง เหนื่อยล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ
2. แน่นท้อง จุกชายโครงขวา
อาจรู้สึกอึดอัดตรงชายโครงด้านขวา จุกแน่นบ่อย ๆ คล้ายอาหารไม่ย่อย แต่เป็นแบบเรื้อรัง
3. เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
กินได้น้อยลง ไม่มีแรงจูงใจในการกิน น้ำหนักค่อย ๆ ลดทั้งที่ไม่ได้ควบคุมอาหาร
4. หน้าท้องโตขึ้น / ท้องบวม
โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องขวาหรือชายโครงขวา อาจเกิดจากน้ำในช่องท้อง
5. ตัวเหลือง ตาเหลือง
เป็นสัญญาณว่าการทำงานของตับเริ่มผิดปกติแล้ว — อาการนี้มักพบในระยะโรคลุกลาม
หากคุณมีอาการมากกว่า 1 ข้อ หรือมีอาการแบบเรื้อรังหลายสัปดาห์ ผมขอแนะนำให้มาตรวจประเมินโดยเร็วที่สุด เพราะหากตรวจพบเร็ว การรักษาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การตรวจอะไรบ้าง? ที่ช่วยประเมินความเสี่ยงการเป็นมะเร็งตับ
การตรวจสุขภาพตับสามารถช่วยให้เรารู้ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ตับอักเสบเรื้อรัง ตับคั่งไขมัน หรือมีอาการผิดปกติไม่ชัดเจน ต่อไปนี้คือการตรวจที่แพทย์แนะนำ
1. ตรวจเลือดดูค่าตับ (Liver Test)
• AST, ALT → บอกระดับการอักเสบของตับ
• ALP → ประเมินภาวะท่อลำเลียงน้ำดี
• Bilirubin → ช่วยประเมินภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง
• ALB, GLB ประเมินการสังเคราะห์โปรตีนของตับ
2. ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP – Alpha-Fetoprotein)
ค่าที่สูงกว่าปกติอาจสัมพันธ์กับมะเร็งตับ โดยเฉพาะในผู้ที่มีไวรัสตับอักเสบหรือตับแข็ง
3. อัลตราซาวด์ช่องท้อง (Ultrasound)
เป็นการตรวจที่ไม่เจ็บ ช่วยดูลักษณะของตับ ความเรียบของผิวตับ และมีก้อนผิดปกติหรือไม่
4.ไฟโบรสแกน (FibroScan)
ใช้คลื่นเสียงคล้าย ultrasound ช่วยดูระดับไขมันและผังผืดในตับ
5. CT Scan หรือ MRI ตับ (ในกรณีจำเป็น)
ใช้กรณีพบสิ่งผิดปกติจากการตรวจเบื้องต้น เพื่อดูรายละเอียดของก้อนหรือเนื้อตับเพิ่มเติม
ป้องกันมะเร็งตับ เริ่มต้นได้ทันที
คุณไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการชัดเจนจึงจะมาตรวจการรู้ก่อน ย่อมให้โอกาสในการดูแลรักษาได้ดีกว่าเสมอครับ
• ตรวจเช็กปีละครั้ง โดยเฉพาะถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น ไวรัสตับอักเสบ ตับคั่งไขมัน หรือประวัติคนในครอบครัว
• ดูแลตับด้วยพฤติกรรมที่ดี เช่น งดแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่เหมาะสม
อย่าปล่อยให้อาการเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต
หากคุณรู้สึกไม่แน่ใจ อยากให้เราช่วยประเมินสุขภาพตับ เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแลคุณอย่างรอบด้าน
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 03/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร