คุมกำเนิดหลังคลอด เลือกแบบไหนดี
หลังจากผ่านช่วงเวลาอันแสนพิเศษในการให้กำเนิดเจ้าตัวน้อย อีกเรื่องสำคัญที่คุณแม่ต้องคิดถึงคือ การคุมกำเนิดหลังคลอด หลายคนอาจสงสัยว่า จะเริ่มคุมกำเนิดเมื่อไหร่ดี? มีวิธีไหนบ้างที่เหมาะกับคุณแม่ให้นมบุตร? แล้ววิธีไหนจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ เพื่อให้คุณแม่เลือกวิธีคุมกำเนิดที่ใช่ได้อย่างสบายใจค่ะ
สำหรับคุณแม่กลุ่มนี้ มีทางเลือกในการคุมกำเนิดได้หลากหลายขึ้น รวมถึงวิธีที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนผสม
การคุมกำเนิดหลังคลอดเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณแม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง พร้อมดูแลลูกน้อยได้อย่างมีความสุข จำไว้ว่าไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง และเลือกวิธีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณแม่มากที่สุดค่ะ
ศูนย์สุขภาพสตรี
โทร. 0-2265-7777
ทำไมต้องคุมกำเนิดหลังคลอด?
แม้ว่าช่วงหลังคลอด ประจำเดือนอาจจะยังไม่มา หรือคุณแม่บางคนอาจกำลังให้นมบุตรอย่างเดียว ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยคุมกำเนิดได้ แต่ความจริงแล้วคุณแม่ก็สามารถตั้งครรภ์ได้อีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงเวลา 3-6 สัปดาห์หลังคลอดเลยนะคะ การตั้งครรภ์ที่ถี่เกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยได้ การเว้นระยะห่างจากการตั้งครรภ์ครั้งถัดไปอย่างน้อย 18-24 เดือน จะช่วยให้ร่างกายคุณแม่ฟื้นตัวได้เต็มที่ และพร้อมดูแลลูกน้อยได้อย่างเต็มศักยภาพค่ะการคุมกำเนิดหลังคลอด มีแบบไหนบ้าง?
การเลือกวิธีการคุมกำเนิดหลังคลอด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น การให้นมบุตร สุขภาพของคุณแม่ และความต้องการส่วนบุคคล โดยมีวิธีที่นิยมดังนี้1.วิธีคุมกำเนิดสำหรับคุณแม่ให้นมบุตร
สำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตรเต็มที่ คือให้นมลูกอย่างเดียว ไม่ป้อนอาหารเสริมหรือนมผสม การคุมกำเนิดด้วยวิธีที่ไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพของน้ำนม- ยาทานคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเดี่ยว (Minipill) เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว ไม่มีเอสโตรเจน จึงไม่ส่งผลต่อการผลิตน้ำนม
- ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเดี่ยว เป็นการฉีดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าสู่ร่างกาย มีประสิทธิภาพสูง และสะดวกเพราะฉีดเพียง 1 ครั้งอยู่ได้นาน 3 เดือน ไม่กระทบน้ำนมเช่นกัน
- ยาฝังคุมกำเนิด เป็นการฝังหลอดเล็กๆ ใต้ท้องแขน ซึ่งจะปล่อยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกมาอย่างสม่ำเสมอ สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี มีประสิทธิภาพสูงมาก และไม่ส่งผลต่อน้ำนม
- ห่วงอนามัยแบบไม่ใช้ฮอร์โมน (Copper IUD) เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูก ไม่มีฮอร์โมน จึงไม่ส่งผลต่อการให้นมบุตร สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 5-10 ปี
- การผ่าตัดทำหมันหญิง เป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร เหมาะสำหรับคุณแม่ที่มั่นใจว่าจะไม่มีบุตรอีกแล้ว
2. วิธีคุมกำเนิดสำหรับคุณแม่ที่ไม่ได้ให้นมบุตร หรือให้นมบุตรไม่เต็มที่
สำหรับคุณแม่กลุ่มนี้ มีทางเลือกในการคุมกำเนิดได้หลากหลายขึ้น รวมถึงวิธีที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนผสม- ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาเม็ดคุมกำเนิดทั่วไปที่มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน มีประสิทธิภาพสูง
- แผ่นแปะคุมกำเนิด / วงแหวนคุมกำเนิด เป็นการคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมที่สะดวกในการใช้งาน
- ถุงยางอนามัย เป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัย ไม่มีฮอร์โมน และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย
- การผ่าตัดทำหมันชาย (ทำหมันสามี) เป็นการคุมกำเนิดแบบถาวรที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน
การวินิจฉัยและคำแนะนำ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาสูตินรีแพทย์ ในช่วงนัดตรวจหลังคลอด ประมาณ 6 สัปดาห์หลังคลอด เพื่อประเมินสุขภาพของคุณแม่ แนะนำวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึงอธิบายข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงของแต่ละวิธี เพื่อให้คุณแม่ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุดการคุมกำเนิดหลังคลอดเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณแม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง พร้อมดูแลลูกน้อยได้อย่างมีความสุข จำไว้ว่าไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทาง และเลือกวิธีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคุณแม่มากที่สุดค่ะ
ศูนย์สุขภาพสตรี
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์สุขภาพสตรี
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 22/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
พญ. พิมพ์อร คงประยูร

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์