• banner

สุขภาพดี...จริงหรือแค่ดูดี? ไขมันพอกตับ โรคเงียบที่ไม่มีสัญญาณเตือน

คุณรู้ได้อย่างไรว่าตัวเอง “สุขภาพดี”?
แค่ไม่มีอาการ...หรือเพียงเพราะภายนอกดูปกติ?

หมอเจอคนไข้จำนวนไม่น้อยที่มาด้วยความมั่นใจว่า “ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ไม่รู้สึกผิดปกติ” แต่พอมีโอกาสตรวจลึกลงไป กลับพบว่า ตับกำลังสะสมไขมันมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว

ไม่มีอาการ ไม่ได้แปลว่าไม่มีโรค
ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) คือภาวะที่มีไขมันสะสมในเซลล์ตับเกิน 5% โดยที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์โดยตรง ภาวะนี้เกิดขึ้นได้กับหลายคนที่ดู “สุขภาพดี” จากภายนอก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น
    • น้ำหนักเกิน หรือมีไขมันสะสมรอบเอว
    • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
    • ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนไม่พอ เครียดสะสม
    • ชอบกินของหวาน ของมัน หรืออาหารแปรรูป
    • ไม่เคยตรวจสุขภาพตับมาก่อน

สิ่งที่ต้องรู้คือ โรคนี้แทบไม่มีอาการในช่วงเริ่มต้น
คุณอาจรู้สึกปกติทุกอย่าง แต่ตับกำลังเผชิญภาวะสะสมไขมัน
และหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจพัฒนาไปสู่ ตับอักเสบเรื้อรัง พังผืดในตับ หรือตับแข็ง ได้ในระยะยาว

สุขภาพดี...ไม่ได้วัดแค่จากรูปร่างหรือความรู้สึก
หมอเคยตรวจคนไข้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่น้ำหนักเริ่มขึ้นเล็กน้อย ดื่มเครื่องดื่มหวานบ่อย และนอนดึก ผลตรวจเลือดพบว่า ค่าการทำงานของตับ (AST และ ALT) เริ่มสูงกว่าปกติ นั่นแปลว่าตับกำลังอักเสบ แม้เจ้าตัวจะไม่รู้สึกผิดปกติเลยก็ตาม
ค่าทั้งสองนี้คือ
    • AST (Aspartate Aminotransferase)
    • ALT (Alanine Aminotransferase)
ใช้ประเมินภาวะตับอักเสบเบื้องต้นได้ดี

หากปล่อยให้ค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยไม่ปรับพฤติกรรมหรือรับการดูแล ตับจะเริ่มสะสมความเสียหาย และฟื้นตัวยากขึ้นในอนาคต

สังเกตตัวเองให้ทัน ก่อนที่โรคจะพัฒนา

หากคุณมีหนึ่งในพฤติกรรมเหล่านี้ หมออยากให้คุณเริ่มใส่ใจสุขภาพตับ
    • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
    • กินหวานจัด ของทอด ของมัน หรืออาหารแปรรูปบ่อย
    • น้ำหนักขึ้นโดยเฉพาะรอบเอว
    • ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
    • มีภาวะเครียด นอนน้อย หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
    • ไม่เคยตรวจสุขภาพตับมาก่อนเลย
แม้คุณจะไม่มีอาการ แต่ตับอาจกำลังส่งสัญญาณผ่าน “ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ” ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

วิธีดูแลตับก่อนโรคจะเริ่ม
หมอแนะนำให้คุณเริ่มจาก 4 ขั้นตอนง่าย ๆ
    1. ตรวจเลือดประเมินค่าตับ (AST, ALT)
เพื่อดูว่าตับมีภาวะอักเสบหรือทำงานหนักเกินไปหรือไม่
    2. ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน
ตรวจดูว่ามีไขมันแทรกในเนื้อตับหรือโครงสร้างตับผิดปกติหรือไม่
    3. ปรับพฤติกรรม
ลดของมัน ของหวาน แอลกอฮอล์ ออกกำลังกาย และนอนพักให้เพียงพอ
    4. พบแพทย์เฉพาะทางด้านตับ
เพื่อวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสมกับพฤติกรรมและความเสี่ยงของคุณ
 
การดูแลตับ...คือการดูแลตัวเองอย่างเข้าใจ

ตับไม่ใช่อวัยวะที่ส่งเสียงเตือน แต่เมื่อมันแสดงอาการ…มักจะสายไปแล้ว
ประเมินความเสี่ยง วางแผนดูแลสุขภาพตับอย่างถูกวิธี
เพราะตับเป็นอวัยวะสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม

ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตั
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 01/08/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. วราวุฒิ บูรณวุฒิ

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา