• banner

ไขมันพอกตับในคนผอม ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว

คุณอาจกำลังดูแลตัวเองดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รูปร่างไม่อ้วน แต่รู้หรือไม่ว่า...“ไขมันพอกตับ” อาจเกิดขึ้นได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว และไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ

รูปร่างผอมไม่ได้แปลว่าปลอดภัย
หลายคนเข้าใจว่าโรคไขมันพอกตับเกิดเฉพาะในผู้ที่มีรูปร่างอ้วน หรือมีพฤติกรรมกินอาหารมัน ๆ แต่ความจริงแล้ว กลุ่มคนที่ “รูปร่างผอม” หรือแม้แต่ผู้ที่ดูสุขภาพดีภายนอก กลับพบภาวะไขมันพอกตับได้เช่นกัน จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่า ผู้ป่วยไขมันพอกตับจำนวนไม่น้อยมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ และมักไม่รู้ตัวจนกระทั่งตรวจร่างกายประจำปี หรือพบค่าตับผิดปกติในผลแล็บ

ไขมันพอกตับในคนผอม เกิดจากอะไร?

สาเหตุหลักของภาวะนี้ในคนที่รูปร่างไม่อ้วน มักมาจาก พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่เราไม่ค่อยนึกถึง เช่น
• การทานน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน ขนม เครื่องดื่มรสหวานจัด
• การกินอาหารแปรรูปบ่อยครั้ง เช่น ของทอด ของมัน
• ความเครียดสะสม นอนไม่พอ ซึ่งรบกวนสมดุลของร่างกาย
• ขาดการขยับร่างกายระหว่างวัน แม้จะมีเวลาออกกำลังกายสั้น ๆ ก็ตาม
• ภาวะดื้อต่ออินซูลินในบางคนโดยไม่รู้ตัว (เกิดขึ้นได้ในคนผอมเช่นกัน)

แม้ไขมันจะไม่ได้พอกอยู่ตามร่างกายให้เห็นชัด แต่ ไขมันอาจสะสมอยู่ในตับ จนกลายเป็นภาวะที่เรียกว่า ไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของตับ และอาจลุกลามเป็นตับอักเสบเรื้อรัง หรือโรคตับรุนแรงในอนาคต

ไม่มีอาการ ไม่ได้แปลว่าไม่มีความเสี่ยง
ไขมันพอกตับมักไม่แสดงอาการในระยะแรก หลายคนจึงไม่ตระหนัก แต่หากคุณมีอาการหรือพฤติกรรมเหล่านี้ ควรเริ่มสังเกตตัวเอง
• เหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ
• แน่นตึงบริเวณชายโครงขวา
• กินหวานจัด หรือชอบของหวานเป็นประจำ
• รู้สึกว่าร่างกายไม่กระปรี้กระเปรังแม้จะรูปร่างดี
• มีประวัติครอบครัวเป็นโรคตับหรือเบาหวาน
• ไม่เคยตรวจสุขภาพตับหรือค่าเอนไซม์ตับเลย
อย่าลืมว่า ไขมันพอกตับไม่เลือกคนที่อ้วนหรือผอม แต่เลือกคนที่ละเลยสุขภาพตับโดยไม่รู้ตัว

ปรับพฤติกรรมวันนี้ เพื่อป้องกันโรคตับในวันหน้า
แม้จะไม่มีอาการชัดเจน แต่เราสามารถ “ดูแลตับ” ได้ตั้งแต่ตอนนี้ ด้วยแนวทางง่าย ๆ
    1. ปรับการกินในชีวิตประจำวัน
ลดของหวาน เครื่องดื่มรสหวาน ของทอด ของแปรรูป
เพิ่มผัก ผลไม้สด และอาหารที่มีเส้นใยสูง
    2. ขยับร่างกายให้มากขึ้นในแต่ละวัน
ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักเสมอไป แค่ลุกเดินระหว่างนั่งทำงาน หรือเดินขึ้นบันไดก็ช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น
    3. พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด
เพราะความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อระบบฮอร์โมนและการสะสมไขมันในร่างกายโดยตรง
    4. ตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะหากคุณมีปัจจัยเสี่ยง แม้ไม่มีอาการ ก็สามารถตรวจค่าการทำงานของตับ (AST, ALT) หรืออัลตราซาวด์เพื่อตรวจหาไขมันสะสมได้

รูปร่างดี...แต่สุขภาพตับอาจไม่ดีตาม

อย่าปล่อยให้ความเชื่อว่า “ผอมคือปลอดภัย”
บดบังความจริงที่ว่า สุขภาพภายในไม่เคยโกหกเรา

การดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่การดูแลรูปร่าง
แต่คือการเข้าใจร่างกายตัวเองอย่างแท้จริง
เริ่มต้นจากวันนี้ ด้วยความรู้ ความใส่ใจ และการตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน

ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตั
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 01/08/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. วราวุฒิ บูรณวุฒิ

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา