• banner

“มะเร็งตับจากตับคั่งไขมัน” เรื่องใกล้ตัวที่หลายคนไม่รู้

โดยเฉพาะคนที่ “ไม่ได้ทำอะไรเสี่ยง” แต่พฤติกรรมชีวิตประจำวันกำลังบ่อนทำลายตับเงียบ ๆ
“หนูไม่ดื่ม ไม่สูบ น่าจะไม่เสี่ยงโรคตับใช่ไหมคะ?”

คำถามแบบนี้เจอบ่อยครับ และคำตอบคือ...
“ไม่แน่เสมอไป” เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แพทย์พบว่า มะเร็งตับไม่ได้เกิดแค่จากเหล้า หรือไวรัสเท่านั้น แต่เกิดได้จาก “พฤติกรรมที่ดูธรรมดาในชีวิตประจำวัน” โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาวะ ตับคั่งไขมัน (Steatotic Liver Disease)

สิ่งที่น่าตกใจคือ...แม้ไม่อ้วนก็ตาม คุณก็เสี่ยงไขมันพอกตับและมะเร็งตับได้

ตับคั่งไขมัน - จากเรื่องเล็กที่กลายเป็นเรื่องใหญ่
ภาวะ ตับคั่งไขมันที่ไม่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ หรือ MASLD (Metabolic Dysfunction-Associated Steatotic Liver Disease) เมื่อพัฒนาไปถึงระดับที่มีการอักเสบของตับ จะเรียกว่า MASH (Metabolic Dysfunction-Associated Steatohepatitis) ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลต่อเนื่อง ตับจะอักเสบเรื้อรัง กลายเป็นพังผืด → ตับแข็ง → และสุดท้ายคือ มะเร็งตับ

แล้วพฤติกรรมแบบไหนที่เสี่ยง...แต่หลายคนมองข้าม?
หากคุณมีลักษณะเหล่านี้...อย่าเพิ่งวางใจว่าตัวเอง “ปลอดภัย”
    • ทำงานนั่งโต๊ะทั้งวัน ไม่ค่อยขยับตัว
    • ชอบกินของหวาน ของทอด หรืออาหารแปรรูป
    • ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
    • นอนดึก เครียดบ่อย รู้สึกล้าเรื้อรัง
    • น้ำหนักตัวอาจไม่มาก แต่ ลงพุง หรือ มีไขมันในเลือดสูง

พฤติกรรมเหล่านี้สะสมวันละนิด วันละหน่อย แต่ “ตับ” รับผลกระทบทุกวัน...โดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย

ตับคั่งไขมัน → ตับอักเสบเรื้อรัง → มะเร็งตับ
เมื่อไขมันสะสมในเซลล์ตับมากเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบและพังผืดในตับแบบค่อยเป็นค่อยไป
และเมื่อตับต้องซ่อมแซมตัวเองเรื่อย ๆ จากการอักเสบเรื้อรังก็จะมีความเสี่ยงที่ “เซลล์ตับเปลี่ยนแปลงผิดปกติ” จนนำไปสู่มะเร็งในที่สุด
โดยเฉพาะในคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็น MASH เพราะไม่มีอาการเลย มักจะรู้ตัวอีกทีตอนตรวจพบความผิดปกติในเลือด หรือเจอก้อนในตับจากอัลตราซาวด์

วิธีดูแลตัวเอง ป้องกันตับคั่งไขมันและมะเร็งตับแบบไม่ซับซ้อน
1. ตรวจสุขภาพตับอย่างสม่ำเสมอ
    ◦ ตรวจค่าการทำงานของตับ (AST, ALT)
    ◦ ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง ปีละครั้ง
2. ควบคุมน้ำตาล ไขมัน และน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์
    ◦ โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง ซึ่งสัมพันธ์กับการดื้ออินซูลินและการอักเสบ
3. ลดอาหารแปรรูป หวานจัด มันจัด เค็มจัด
    ◦ เน้นโปรตีนคุณภาพดี ไฟเบอร์ และไขมันดีแทน
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    ◦ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ แม้จะเดินเร็วก็ได้ผล
5. พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด
    ◦ เพราะฮอร์โมนเครียดมีผลต่อการเผาผลาญไขมันในตับโดยตรง

อย่ารอให้มีอาการ เพราะ “ตับคั่งไขมัน” มักเงียบ
โรคตับจากพฤติกรรมไม่ได้มีแค่ในคนที่ดื่มหรือสูบ แต่มาในรูปแบบที่คุณไม่รู้ตัว เช่น ความเหนื่อยง่าย หรือนอนหลับไม่สนิท จึงยิ่งต้องใส่ใจ และเริ่มตรวจสุขภาพตับตั้งแต่ยังไม่มีอาการ

ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 03/08/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา