“ไม่เคยดื่ม ไม่เคยสูบ”…ทำไมถึงเป็นมะเร็งตับ?
“หมอครับ ผมไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่เลย ทำไมถึงเป็นมะเร็งตับ?”
คำถามนี้ไม่ได้เจอแค่ครั้งสองครั้ง แต่พบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในห้องตรวจ หลายคนใช้ชีวิตปกติ ออกกำลังกายบ้าง พักผ่อนพอสมควร และไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงชัดเจน แต่เมื่อถึงเวลาตรวจสุขภาพกลับพบว่าตับมีปัญหา หรือในบางราย
ตรวจเจอก้อนขนาดใหญ่ในตับโดยไม่รู้ตัวมาก่อน สาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง?
มะเร็งตับ...ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์เท่านั้น
หลายคนเข้าใจว่ามะเร็งตับเกิดเฉพาะในคนที่ดื่มเหล้าหนัก แต่ความจริงแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยเสี่ยงที่มักถูกมองข้าม โดยเฉพาะในคนที่ดูเหมือนสุขภาพดี
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้
• ไวรัสตับอักเสบบี และ ซี (HBV / HCV)
หลายคนติดเชื้อมาตั้งแต่เด็กโดยไม่เคยรู้ตัว หากไม่ได้ตรวจเลือดเฉพาะทางก็จะไม่พบ ไวรัสทำลายเซลล์ตับเรื่อย ๆ แบบช้า ๆ โดยไม่แสดงอาการ
• ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver / NASH)
ไม่ใช่โรคของคนอ้วนเท่านั้น คนรูปร่างปกติก็สามารถมีไขมันสะสมในตับได้ โดยเฉพาะหากมีพฤติกรรม เช่น นอนดึก ทานหวานบ่อย เครียดสะสม หรือขาดการออกกำลังกาย
• พันธุกรรม / ประวัติคนในครอบครัว
หากมีญาติสายตรงเคยเป็นมะเร็งตับ ตับแข็ง หรือโรคตับเรื้อรัง จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
• โรคตับเรื้อรังที่ไม่มีอาการ
เช่น พังผืดในตับระยะแรก ตับแข็งโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจตรวจพบได้จากการทำอัลตราซาวด์หรือเจาะเลือด
อย่ารอให้มีอาการ…เพราะมะเร็งตับมักเงียบในระยะเริ่มต้น
มะเร็งตับเป็นโรคที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยรู้ตัวอีกทีเมื่อก้อนในตับโตจนรบกวนการทำงานของร่างกาย เช่น ปวดชายโครงด้านขวา คลำเจอก้อน หรือรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ มะเร็งตับสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ถ้าตรวจอย่างถูกวิธีและในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เริ่มต้นเช็กตับอย่างไร? เพื่อป้องกันก่อนโรคจะลุกลาม
หากคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความเสี่ยงหรือไม่ การตรวจคัดกรองที่แนะนำจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยทั่วไปอาจประกอบด้วย
• ตรวจเลือดหาไวรัสตับอักเสบบีและซี
• ตรวจเอนไซม์ตับ (AST, ALT) และ สารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP)
• ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อดูสภาพตับโดยรวม
• หากมีความเสี่ยงสูง เช่น พันธุกรรม หรือมีพังผืดในตับ → อาจตรวจ FibroScan / CT / MRI
การตรวจเหล่านี้สามารถช่วยให้เรารู้สถานะของตับตั้งแต่เนิ่น ๆ และเริ่มวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
ไม่ดื่ม ไม่สูบ...ก็ยังมีความเสี่ยงได้
การดูแลสุขภาพตับไม่ใช่แค่สำหรับคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงชัดเจน แต่ควรเป็น “เรื่องของทุกคน” โดยเฉพาะในคนที่ไม่เคยตรวจสุขภาพเฉพาะทางมาก่อน
“เพราะบางครั้ง...ภัยเงียบอาจซ่อนอยู่ในร่างกายโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ
การรู้ก่อน คือโอกาสในการรักษาและป้องกันก่อนที่โรคจะลุกลาม”
หากคุณกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราควรเริ่มตรวจตับเมื่อไหร่?”
คำตอบที่ดีที่สุดคือ “ตอนที่คุณยังรู้สึกว่าสุขภาพดีอยู่”
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
คำถามนี้ไม่ได้เจอแค่ครั้งสองครั้ง แต่พบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในห้องตรวจ หลายคนใช้ชีวิตปกติ ออกกำลังกายบ้าง พักผ่อนพอสมควร และไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงชัดเจน แต่เมื่อถึงเวลาตรวจสุขภาพกลับพบว่าตับมีปัญหา หรือในบางราย
ตรวจเจอก้อนขนาดใหญ่ในตับโดยไม่รู้ตัวมาก่อน สาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง?
มะเร็งตับ...ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์เท่านั้น
หลายคนเข้าใจว่ามะเร็งตับเกิดเฉพาะในคนที่ดื่มเหล้าหนัก แต่ความจริงแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยเสี่ยงที่มักถูกมองข้าม โดยเฉพาะในคนที่ดูเหมือนสุขภาพดี
ปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้
• ไวรัสตับอักเสบบี และ ซี (HBV / HCV)
หลายคนติดเชื้อมาตั้งแต่เด็กโดยไม่เคยรู้ตัว หากไม่ได้ตรวจเลือดเฉพาะทางก็จะไม่พบ ไวรัสทำลายเซลล์ตับเรื่อย ๆ แบบช้า ๆ โดยไม่แสดงอาการ
• ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver / NASH)
ไม่ใช่โรคของคนอ้วนเท่านั้น คนรูปร่างปกติก็สามารถมีไขมันสะสมในตับได้ โดยเฉพาะหากมีพฤติกรรม เช่น นอนดึก ทานหวานบ่อย เครียดสะสม หรือขาดการออกกำลังกาย
• พันธุกรรม / ประวัติคนในครอบครัว
หากมีญาติสายตรงเคยเป็นมะเร็งตับ ตับแข็ง หรือโรคตับเรื้อรัง จะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
• โรคตับเรื้อรังที่ไม่มีอาการ
เช่น พังผืดในตับระยะแรก ตับแข็งโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจตรวจพบได้จากการทำอัลตราซาวด์หรือเจาะเลือด
อย่ารอให้มีอาการ…เพราะมะเร็งตับมักเงียบในระยะเริ่มต้น
มะเร็งตับเป็นโรคที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยรู้ตัวอีกทีเมื่อก้อนในตับโตจนรบกวนการทำงานของร่างกาย เช่น ปวดชายโครงด้านขวา คลำเจอก้อน หรือรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ มะเร็งตับสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ถ้าตรวจอย่างถูกวิธีและในช่วงเวลาที่เหมาะสม
เริ่มต้นเช็กตับอย่างไร? เพื่อป้องกันก่อนโรคจะลุกลาม
หากคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความเสี่ยงหรือไม่ การตรวจคัดกรองที่แนะนำจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยทั่วไปอาจประกอบด้วย
• ตรวจเลือดหาไวรัสตับอักเสบบีและซี
• ตรวจเอนไซม์ตับ (AST, ALT) และ สารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP)
• ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง เพื่อดูสภาพตับโดยรวม
• หากมีความเสี่ยงสูง เช่น พันธุกรรม หรือมีพังผืดในตับ → อาจตรวจ FibroScan / CT / MRI
การตรวจเหล่านี้สามารถช่วยให้เรารู้สถานะของตับตั้งแต่เนิ่น ๆ และเริ่มวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
ไม่ดื่ม ไม่สูบ...ก็ยังมีความเสี่ยงได้
การดูแลสุขภาพตับไม่ใช่แค่สำหรับคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงชัดเจน แต่ควรเป็น “เรื่องของทุกคน” โดยเฉพาะในคนที่ไม่เคยตรวจสุขภาพเฉพาะทางมาก่อน
“เพราะบางครั้ง...ภัยเงียบอาจซ่อนอยู่ในร่างกายโดยไม่มีสัญญาณใด ๆ
การรู้ก่อน คือโอกาสในการรักษาและป้องกันก่อนที่โรคจะลุกลาม”
หากคุณกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราควรเริ่มตรวจตับเมื่อไหร่?”
คำตอบที่ดีที่สุดคือ “ตอนที่คุณยังรู้สึกว่าสุขภาพดีอยู่”
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 03/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร