ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เริ่มเมื่อไหร่? วิธีไหนดีที่สุด?
มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก การตรวจคัดกรอง (Screening) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถตรวจเจอความผิดปกติก่อนเกิดมะเร็ง หรือก่อนที่โรคจะลุกลาม
เริ่มตรวจเมื่อไหร่จึงเหมาะสม?
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงทั่วไป
• แนะนำให้เริ่มตรวจ เมื่ออายุ 45 ปีขึ้นไป
สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง เช่น
• มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
• มีโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (เช่น Crohn’s disease หรือ Ulcerative colitis)
• เคยตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ (Polyps) มาก่อน
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มตรวจตั้งแต่อายุน้อยกว่าปกติ และตรวจถี่ขึ้นตามดุลยพินิจของแพทย์
วิธีตรวจคัดกรอง…แบบไหนเหมาะกับคุณ?
1. การตรวจอุจจาระ (FIT หรือ gFOBT)
เป็นการตรวจหาเลือดที่ปนมากับอุจจาระ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของติ่งเนื้อหรือมะเร็ง
เหมาะกับ: ผู้ไม่มีอาการและไม่มีความเสี่ยงสูง
ควรตรวจ: ปีละ 1 ครั้ง
2. การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
สามารถมองเห็นภายในลำไส้โดยตรง และสามารถตัดติ่งเนื้อหรือตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจได้ทันที
เหมาะกับ: ผู้ที่มีอาการผิดปกติ หรือมีความเสี่ยงสูง
ควรตรวจ: ทุก 5–10 ปี (ขึ้นอยู่กับผลตรวจครั้งก่อน)
3. การตรวจ DNA ในอุจจาระ หรือ CT Colonography
เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกส่องกล้อง แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและอาจไม่ครอบคลุมการตรวจรักษา
คำแนะนำจากแพทย์
หากคุณมีอายุมากกว่า 45 ปี หรือมีอาการผิดปกติเรื้อรัง เช่น ถ่ายมีเลือดปน น้ำหนักลด หรือถ่ายไม่สุด
อย่ารอให้อาการรุนแรง ควรเริ่มตรวจลำไส้ใหญ่ตามคำแนะนำทันที
ยิ่งตรวจเร็ว ยิ่งเพิ่มโอกาสรักษาให้หายขาดได้
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย และสามารถช่วยชีวิตคุณได้ในอนาคต อย่ารอให้ป่วยก่อนค่อยตรวจ เริ่มต้นเช็กสุขภาพลำไส้ตั้งแต่วันนี้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
เริ่มตรวจเมื่อไหร่จึงเหมาะสม?
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงทั่วไป
• แนะนำให้เริ่มตรวจ เมื่ออายุ 45 ปีขึ้นไป
สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง เช่น
• มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
• มีโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (เช่น Crohn’s disease หรือ Ulcerative colitis)
• เคยตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ (Polyps) มาก่อน
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเริ่มตรวจตั้งแต่อายุน้อยกว่าปกติ และตรวจถี่ขึ้นตามดุลยพินิจของแพทย์
วิธีตรวจคัดกรอง…แบบไหนเหมาะกับคุณ?
1. การตรวจอุจจาระ (FIT หรือ gFOBT)
เป็นการตรวจหาเลือดที่ปนมากับอุจจาระ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของติ่งเนื้อหรือมะเร็ง
เหมาะกับ: ผู้ไม่มีอาการและไม่มีความเสี่ยงสูง
ควรตรวจ: ปีละ 1 ครั้ง
2. การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
สามารถมองเห็นภายในลำไส้โดยตรง และสามารถตัดติ่งเนื้อหรือตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจได้ทันที
เหมาะกับ: ผู้ที่มีอาการผิดปกติ หรือมีความเสี่ยงสูง
ควรตรวจ: ทุก 5–10 ปี (ขึ้นอยู่กับผลตรวจครั้งก่อน)
3. การตรวจ DNA ในอุจจาระ หรือ CT Colonography
เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกส่องกล้อง แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและอาจไม่ครอบคลุมการตรวจรักษา
คำแนะนำจากแพทย์
หากคุณมีอายุมากกว่า 45 ปี หรือมีอาการผิดปกติเรื้อรัง เช่น ถ่ายมีเลือดปน น้ำหนักลด หรือถ่ายไม่สุด
อย่ารอให้อาการรุนแรง ควรเริ่มตรวจลำไส้ใหญ่ตามคำแนะนำทันที
ยิ่งตรวจเร็ว ยิ่งเพิ่มโอกาสรักษาให้หายขาดได้
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย และสามารถช่วยชีวิตคุณได้ในอนาคต อย่ารอให้ป่วยก่อนค่อยตรวจ เริ่มต้นเช็กสุขภาพลำไส้ตั้งแต่วันนี้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 02/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร