ผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ยุคใหม่: แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ในปัจจุบัน ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ในปัจจุบันมีความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะเทคนิคการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งช่วยลดอาการเจ็บปวด ลดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว การวินิจฉัยและวางแผนรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษา
การผ่าตัดคือหัวใจสำคัญของการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนใหญ่มักเกิดจากติ่งเนื้อหรือเซลล์ผิดปกติที่พัฒนาในผนังลำไส้ หากตรวจพบได้เร็วและได้รับการผ่าตัดนำก้อนเนื้อหรือส่วนที่ผิดปกติออกตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและเพิ่มโอกาสหายขาดได้อย่างมาก
เทคโนโลยีผ่าตัดล้ำสมัย: ผ่าตัดผ่านกล้อง และหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด
1. การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Colectomy)
เป็นเทคนิคที่ใช้แผลเล็กเพียง 0.5–1.5 เซนติเมตร หลายตำแหน่ง แพทย์จะใส่กล้องขนาดเล็กและเครื่องมือเฉพาะทางเพื่อดูภาพภายในช่องท้องแบบเรียลไทม์ และดำเนินการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ
ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้อง
• ลดอาการปวดหลังผ่าตัด
• ลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด
• ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
• พักฟื้นสั้น ประมาณ 3–5 วัน
• แผลผ่าตัดเล็ก แผลหายเร็ว และแผลเป็นน้อย
2. การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic-Assisted Surgery)
ในบางกรณี เช่น มะเร็งที่อยู่ในตำแหน่งเข้าถึงยากหรืออยู่ในอุ้งเชิงกราน แพทย์อาจพิจารณาใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ และลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ
ขั้นตอนก่อน–หลังการผ่าตัด
1. การวินิจฉัยและประเมินระยะโรค
◦ ตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
◦ ตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)
◦ ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือ MRI เพื่อประเมินการแพร่กระจายของโรค
2. การวางแผนการผ่าตัด
◦ แพทย์จะอธิบายรูปแบบการผ่าตัดที่เหมาะสมตามระยะของโรค ตำแหน่งก้อนเนื้อ และสุขภาพของผู้ป่วย
3. การผ่าตัดและการดูแลหลังผ่าตัด
◦ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าแบบผ่าตัดเปิด
◦ ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น
4. การติดตามผลและพิจารณาวิธีการรักษาเสริม
◦ เช่น การทำเคมีบำบัด หรือการให้ยารักษาแบบจำเพาะ (Targeted Therapy) หากมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค
ผ่าตัดเร็ว เพิ่มโอกาสรอดชีวิตสูง
หากสามารถตรวจพบโรคและได้รับการผ่าตัดตั้งแต่ระยะแรก โอกาสรอดชีวิต 5 ปีสูงกว่า 90% และคุณภาพชีวิตหลังการรักษายังสามารถกลับมาใกล้เคียงปกติได้
ข้อแนะนำจากแพทย์
หากคุณมีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายมีเลือดปน ปวดท้องเรื้อรัง ถ่ายไม่สุด หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ การวางแผนผ่าตัดที่เหมาะสม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง ลดภาวะแทรกซ้อน และฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าเดิม
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ในปัจจุบันมีความก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะเทคนิคการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งช่วยลดอาการเจ็บปวด ลดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว การวินิจฉัยและวางแผนรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษา
การผ่าตัดคือหัวใจสำคัญของการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนใหญ่มักเกิดจากติ่งเนื้อหรือเซลล์ผิดปกติที่พัฒนาในผนังลำไส้ หากตรวจพบได้เร็วและได้รับการผ่าตัดนำก้อนเนื้อหรือส่วนที่ผิดปกติออกตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและเพิ่มโอกาสหายขาดได้อย่างมาก
เทคโนโลยีผ่าตัดล้ำสมัย: ผ่าตัดผ่านกล้อง และหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด
1. การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Colectomy)
เป็นเทคนิคที่ใช้แผลเล็กเพียง 0.5–1.5 เซนติเมตร หลายตำแหน่ง แพทย์จะใส่กล้องขนาดเล็กและเครื่องมือเฉพาะทางเพื่อดูภาพภายในช่องท้องแบบเรียลไทม์ และดำเนินการผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ
ข้อดีของการผ่าตัดผ่านกล้อง
• ลดอาการปวดหลังผ่าตัด
• ลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด
• ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
• พักฟื้นสั้น ประมาณ 3–5 วัน
• แผลผ่าตัดเล็ก แผลหายเร็ว และแผลเป็นน้อย
2. การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Robotic-Assisted Surgery)
ในบางกรณี เช่น มะเร็งที่อยู่ในตำแหน่งเข้าถึงยากหรืออยู่ในอุ้งเชิงกราน แพทย์อาจพิจารณาใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ และลดผลกระทบต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ
ขั้นตอนก่อน–หลังการผ่าตัด
1. การวินิจฉัยและประเมินระยะโรค
◦ ตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
◦ ตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)
◦ ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือ MRI เพื่อประเมินการแพร่กระจายของโรค
2. การวางแผนการผ่าตัด
◦ แพทย์จะอธิบายรูปแบบการผ่าตัดที่เหมาะสมตามระยะของโรค ตำแหน่งก้อนเนื้อ และสุขภาพของผู้ป่วย
3. การผ่าตัดและการดูแลหลังผ่าตัด
◦ ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าแบบผ่าตัดเปิด
◦ ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้เร็วขึ้น
4. การติดตามผลและพิจารณาวิธีการรักษาเสริม
◦ เช่น การทำเคมีบำบัด หรือการให้ยารักษาแบบจำเพาะ (Targeted Therapy) หากมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค
ผ่าตัดเร็ว เพิ่มโอกาสรอดชีวิตสูง
หากสามารถตรวจพบโรคและได้รับการผ่าตัดตั้งแต่ระยะแรก โอกาสรอดชีวิต 5 ปีสูงกว่า 90% และคุณภาพชีวิตหลังการรักษายังสามารถกลับมาใกล้เคียงปกติได้
ข้อแนะนำจากแพทย์
หากคุณมีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายมีเลือดปน ปวดท้องเรื้อรัง ถ่ายไม่สุด หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ การวางแผนผ่าตัดที่เหมาะสม โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง ลดภาวะแทรกซ้อน และฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าเดิม
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 02/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร