อายุไม่ถึง 40 ปี...แต่เสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ทำไมคนรุ่นใหม่ควรใส่ใจ?
“มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นเรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้นหรือ?”
ความเชื่อนี้อาจทำให้หลายคนมองข้ามสัญญาณเตือนที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง โดยเฉพาะในวัยทำงานที่เต็มไปด้วยความเครียด พฤติกรรมเร่งรีบ และการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล อาการบางอย่าง เช่น ปวดท้องเรื้อรัง ถ่ายไม่สุด หรือถ่ายมีเลือดปน มักถูกตีความว่าเป็นแค่อาการริดสีดวง อาหารไม่ย่อย หรือท้องผูกธรรมดา แต่ในความเป็นจริง อาการเหล่านี้อาจเป็น “สัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่” ได้เช่นกัน
มะเร็งลำไส้ใหญ่ในคนอายุน้อย…พบได้จริงไหม?
คำตอบคือ “ใช่” และพบมากขึ้นทุกปี แม้อายุยังไม่ถึง 40 ปี แต่การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ก็อาจสร้างความเสี่ยงโดยไม่ตั้งใจ เช่น
• ทานอาหารแปรรูป หรือเนื้อสัตว์ย่าง ปิ้ง ทอด บ่อย
• กินผักน้อย ไม่ชอบดื่มน้ำ
• ขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ ถ่ายไม่สุด รู้สึกอืดแน่นท้อง
• พักผ่อนน้อย เครียดบ่อย ทำงานหนักเกินไป
• ไม่เคยตรวจลำไส้ เพราะคิดว่ายังไม่ถึงวัยเสี่ยง
เมื่อความเสี่ยงสะสมโดยไม่รู้ตัว เซลล์ผิดปกติในลำไส้ก็มีโอกาสเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น
วิธีสังเกตอาการ…ที่อาจบอกว่าลำไส้คุณเริ่มมีปัญหา
อาการระยะแรกอาจดูไม่รุนแรง แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้บ่อยหรือเรื้อรัง ควรเริ่มตรวจเช็กทันที
• ถ่ายเป็นเลือด หรือมีมูกเลือดปนในอุจจาระ
• ปวดท้องซ้ำ ๆ ที่จุดเดิม โดยเฉพาะบริเวณล่างซ้าย
• รู้สึกถ่ายไม่สุด หรือขับถ่ายเปลี่ยนแปลงจากเดิม
• ท้องผูกสลับท้องเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ
• น้ำหนักลด อ่อนเพลีย โดยไม่ได้ควบคุมอาหาร
อย่ารอให้มีอาการรุนแรงก่อนพบแพทย์ เพราะการวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มต้น คือโอกาสในการรักษาและหายขาด
การวินิจฉัยและแนวทางการรักษา
หากแพทย์สงสัยว่าคุณอาจมีความเสี่ยง จะมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น
• การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
เป็นวิธีที่ใช้ตรวจดูความผิดปกติภายในลำไส้อย่างละเอียด และสามารถตัดติ่งเนื้อที่มีความเสี่ยง หรือเป็นมะเร็งระยะเริ่มต้นได้
• การตรวจอุจจาระ (FIT Test)
ใช้ตรวจหาเลือดที่อาจปนมาในอุจจาระ แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
หากพบรอยโรคหรือเนื้องอก แพทย์อาจพิจารณาวิธีการรักษา เช่น
• การผ่าตัด เพื่อเอาก้อนเนื้อหรือส่วนลำไส้ที่ผิดปกติออก
• การทำเคมีบำบัด หรือ การให้ยารักษาแบบจำเพาะ (Targeted Therapy)
ในกรณีที่โรคอยู่ในระยะลุกลาม
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค สภาพร่างกาย และการวินิจฉัยของแพทย์
อย่ารอให้สายเกินไป…การตรวจเร็วคือการให้โอกาสตัวเอง
มะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ใช่โรคที่แสดงอาการรุนแรงในทันที และไม่ใช่โรคที่เกิดเฉพาะในวัยเกษียณอีกต่อไป หากคุณคือคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ พักผ่อนน้อย กินอาหารไม่เป็นเวลา และมีอาการผิดปกติเรื้อรังในระบบขับถ่าย อย่ารอให้ป่วยก่อนจึงเริ่มใส่ใจสุขภาพลำไส้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ความเชื่อนี้อาจทำให้หลายคนมองข้ามสัญญาณเตือนที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง โดยเฉพาะในวัยทำงานที่เต็มไปด้วยความเครียด พฤติกรรมเร่งรีบ และการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล อาการบางอย่าง เช่น ปวดท้องเรื้อรัง ถ่ายไม่สุด หรือถ่ายมีเลือดปน มักถูกตีความว่าเป็นแค่อาการริดสีดวง อาหารไม่ย่อย หรือท้องผูกธรรมดา แต่ในความเป็นจริง อาการเหล่านี้อาจเป็น “สัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่” ได้เช่นกัน
มะเร็งลำไส้ใหญ่ในคนอายุน้อย…พบได้จริงไหม?
คำตอบคือ “ใช่” และพบมากขึ้นทุกปี แม้อายุยังไม่ถึง 40 ปี แต่การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ก็อาจสร้างความเสี่ยงโดยไม่ตั้งใจ เช่น
• ทานอาหารแปรรูป หรือเนื้อสัตว์ย่าง ปิ้ง ทอด บ่อย
• กินผักน้อย ไม่ชอบดื่มน้ำ
• ขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ ถ่ายไม่สุด รู้สึกอืดแน่นท้อง
• พักผ่อนน้อย เครียดบ่อย ทำงานหนักเกินไป
• ไม่เคยตรวจลำไส้ เพราะคิดว่ายังไม่ถึงวัยเสี่ยง
เมื่อความเสี่ยงสะสมโดยไม่รู้ตัว เซลล์ผิดปกติในลำไส้ก็มีโอกาสเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น
วิธีสังเกตอาการ…ที่อาจบอกว่าลำไส้คุณเริ่มมีปัญหา
อาการระยะแรกอาจดูไม่รุนแรง แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้บ่อยหรือเรื้อรัง ควรเริ่มตรวจเช็กทันที
• ถ่ายเป็นเลือด หรือมีมูกเลือดปนในอุจจาระ
• ปวดท้องซ้ำ ๆ ที่จุดเดิม โดยเฉพาะบริเวณล่างซ้าย
• รู้สึกถ่ายไม่สุด หรือขับถ่ายเปลี่ยนแปลงจากเดิม
• ท้องผูกสลับท้องเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ
• น้ำหนักลด อ่อนเพลีย โดยไม่ได้ควบคุมอาหาร
อย่ารอให้มีอาการรุนแรงก่อนพบแพทย์ เพราะการวินิจฉัยตั้งแต่เริ่มต้น คือโอกาสในการรักษาและหายขาด
การวินิจฉัยและแนวทางการรักษา
หากแพทย์สงสัยว่าคุณอาจมีความเสี่ยง จะมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น
• การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
เป็นวิธีที่ใช้ตรวจดูความผิดปกติภายในลำไส้อย่างละเอียด และสามารถตัดติ่งเนื้อที่มีความเสี่ยง หรือเป็นมะเร็งระยะเริ่มต้นได้
• การตรวจอุจจาระ (FIT Test)
ใช้ตรวจหาเลือดที่อาจปนมาในอุจจาระ แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
หากพบรอยโรคหรือเนื้องอก แพทย์อาจพิจารณาวิธีการรักษา เช่น
• การผ่าตัด เพื่อเอาก้อนเนื้อหรือส่วนลำไส้ที่ผิดปกติออก
• การทำเคมีบำบัด หรือ การให้ยารักษาแบบจำเพาะ (Targeted Therapy)
ในกรณีที่โรคอยู่ในระยะลุกลาม
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค สภาพร่างกาย และการวินิจฉัยของแพทย์
อย่ารอให้สายเกินไป…การตรวจเร็วคือการให้โอกาสตัวเอง
มะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ใช่โรคที่แสดงอาการรุนแรงในทันที และไม่ใช่โรคที่เกิดเฉพาะในวัยเกษียณอีกต่อไป หากคุณคือคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ พักผ่อนน้อย กินอาหารไม่เป็นเวลา และมีอาการผิดปกติเรื้อรังในระบบขับถ่าย อย่ารอให้ป่วยก่อนจึงเริ่มใส่ใจสุขภาพลำไส้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 02/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร