5 วิธีปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ใช่โรคที่เกิดจากพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่หลายปัจจัยจาก “พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน” ก็มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงเช่นกัน การดูแลลำไส้ให้แข็งแรงสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน มาลองสำรวจตัวเองไปพร้อม ๆ กันนะคะว่าอะไรคือสิ่งที่ควรระวัง และควรปรับเปลี่ยนอย่างไร
พฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ควรระวัง
ลองสังเกตดูว่าในชีวิตประจำวันของคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่
• รับประทานเนื้อแดง หรือเนื้อสัตว์แปรรูปบ่อย เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม
• ขาดผักผลไม้ในมื้ออาหาร หรือรับใยอาหารไม่เพียงพอ
• ชอบอาหารมัน ของทอด ปิ้งย่างเป็นประจำ
• ขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ ถ่ายไม่สุด หรือท้องผูกเรื้อรัง
• ขาดการเคลื่อนไหว อยู่กับที่นาน ไม่ค่อยออกกำลังกาย
• มีภาวะเครียดสะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ
• สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่แนะนำ
พฤติกรรมเหล่านี้หากสะสมต่อเนื่อง อาจทำให้เซลล์ในลำไส้เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ และนำไปสู่ความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ในระยะยาว
5 วิธีปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงก่อนเกิดโรค
1. เพิ่มผักผลไม้และใยอาหารในทุกมื้อ
ใยอาหารช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ลดการตกค้างของของเสีย และช่วยขับสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
แนะนำ: เลือกทานผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี และผลไม้ที่รับประทานทั้งเปลือกได้ เช่น แอปเปิล ฝรั่ง กล้วยหอม
2. ลดอาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์สีแดง
เนื้อแปรรูปบางชนิดมีสารที่อาจกระตุ้นการเกิดมะเร็งได้ หากรับประทานเป็นประจำ
แนะนำ: ทานปลา เต้าหู้ หรือไก่ไร้หนังสลับกับเนื้อแดงในแต่ละสัปดาห์ เพื่อลดสารก่อมะเร็งสะสม
3. ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา
ระบบขับถ่ายที่ดี ช่วยลดโอกาสของอุจจาระตกค้าง และลดการสะสมของของเสียในลำไส้
เคล็ดลับ: ดื่มน้ำอุ่นตอนเช้า และฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา โดยไม่กลั้นอุจจาระเป็นนิสัย
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การเคลื่อนไหวร่างกายมีผลต่อการทำงานของลำไส้ และยังช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังอื่น ๆ
แนะนำ: เดินเร็ว 30 นาที วันละ 5 วัน หรือหากนั่งทำงานนาน ลองลุกขึ้นเคลื่อนไหวทุกชั่วโมง
5. ตรวจสุขภาพลำไส้ตามคำแนะนำของแพทย์
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ สามารถช่วยค้นหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้น
แนะนำ: เริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป หรือก่อนหน้านี้ หากมีประวัติครอบครัว หรืออาการผิดปกติเรื้อรัง เช่น ถ่ายมีเลือด น้ำหนักลด
ดูแลลำไส้ให้ดี เริ่มต้นที่พฤติกรรมของคุณวันนี้
มะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ปัจจัยจากพฤติกรรมที่เราทำซ้ำ ๆ อาจกลายเป็นตัวจุดประกายความผิดปกติในระบบลำไส้ได้ การดูแลตัวเองไม่จำเป็นต้องรอให้เจ็บป่วยก่อน แค่เริ่มจากการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ขับถ่ายเป็นเวลา ออกกำลังกาย และตรวจร่างกายตามความเหมาะสม ก็สามารถลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้อย่างมากแล้ว
ข้อแนะนำจากแพทย์
หากคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือมีอาการผิดปกติเรื้อรังเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แนะนำให้พบแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสม เพราะการป้องกันที่ดีที่สุด คือการเริ่มต้นใส่ใจตั้งแต่วันนี้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
พฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ควรระวัง
ลองสังเกตดูว่าในชีวิตประจำวันของคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่
• รับประทานเนื้อแดง หรือเนื้อสัตว์แปรรูปบ่อย เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม
• ขาดผักผลไม้ในมื้ออาหาร หรือรับใยอาหารไม่เพียงพอ
• ชอบอาหารมัน ของทอด ปิ้งย่างเป็นประจำ
• ขับถ่ายไม่สม่ำเสมอ ถ่ายไม่สุด หรือท้องผูกเรื้อรัง
• ขาดการเคลื่อนไหว อยู่กับที่นาน ไม่ค่อยออกกำลังกาย
• มีภาวะเครียดสะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ
• สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่แนะนำ
พฤติกรรมเหล่านี้หากสะสมต่อเนื่อง อาจทำให้เซลล์ในลำไส้เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ และนำไปสู่ความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ในระยะยาว
5 วิธีปรับพฤติกรรม ลดความเสี่ยงก่อนเกิดโรค
1. เพิ่มผักผลไม้และใยอาหารในทุกมื้อ
ใยอาหารช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ ลดการตกค้างของของเสีย และช่วยขับสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
แนะนำ: เลือกทานผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี และผลไม้ที่รับประทานทั้งเปลือกได้ เช่น แอปเปิล ฝรั่ง กล้วยหอม
2. ลดอาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์สีแดง
เนื้อแปรรูปบางชนิดมีสารที่อาจกระตุ้นการเกิดมะเร็งได้ หากรับประทานเป็นประจำ
แนะนำ: ทานปลา เต้าหู้ หรือไก่ไร้หนังสลับกับเนื้อแดงในแต่ละสัปดาห์ เพื่อลดสารก่อมะเร็งสะสม
3. ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา
ระบบขับถ่ายที่ดี ช่วยลดโอกาสของอุจจาระตกค้าง และลดการสะสมของของเสียในลำไส้
เคล็ดลับ: ดื่มน้ำอุ่นตอนเช้า และฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา โดยไม่กลั้นอุจจาระเป็นนิสัย
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การเคลื่อนไหวร่างกายมีผลต่อการทำงานของลำไส้ และยังช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังอื่น ๆ
แนะนำ: เดินเร็ว 30 นาที วันละ 5 วัน หรือหากนั่งทำงานนาน ลองลุกขึ้นเคลื่อนไหวทุกชั่วโมง
5. ตรวจสุขภาพลำไส้ตามคำแนะนำของแพทย์
การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ สามารถช่วยค้นหาความผิดปกติในระยะเริ่มต้น
แนะนำ: เริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป หรือก่อนหน้านี้ หากมีประวัติครอบครัว หรืออาการผิดปกติเรื้อรัง เช่น ถ่ายมีเลือด น้ำหนักลด
ดูแลลำไส้ให้ดี เริ่มต้นที่พฤติกรรมของคุณวันนี้
มะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะทุกวันนี้ปัจจัยจากพฤติกรรมที่เราทำซ้ำ ๆ อาจกลายเป็นตัวจุดประกายความผิดปกติในระบบลำไส้ได้ การดูแลตัวเองไม่จำเป็นต้องรอให้เจ็บป่วยก่อน แค่เริ่มจากการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ขับถ่ายเป็นเวลา ออกกำลังกาย และตรวจร่างกายตามความเหมาะสม ก็สามารถลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้อย่างมากแล้ว
ข้อแนะนำจากแพทย์
หากคุณมีพฤติกรรมเสี่ยง หรือมีอาการผิดปกติเรื้อรังเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แนะนำให้พบแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการดูแลอย่างเหมาะสม เพราะการป้องกันที่ดีที่สุด คือการเริ่มต้นใส่ใจตั้งแต่วันนี้
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 02/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. ภูริกร เฟื่องวรรธนะ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร