• banner

กินยาอะไรดี? ยาลดกรด VS ยาควบคุมกรด ใช้ต่างกันยังไง

ถ้าคุณเคยมีอาการแสบกลางอก เรอบ่อย เสียงแหบตอนเช้า แล้วเลือกใช้ “ยาลดกรด” หรือ “ยาควบคุมกรด” เองจากคำแนะนำในอินเทอร์เน็ต หรือจากคนรอบตัว แต่ใช้ไปแล้ว…ก็ยังไม่ดีขึ้นสักที บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างของ “ยารักษากรดไหลย้อน” ได้ง่ายขึ้น พร้อมคำแนะนำว่า…แบบไหนเหมาะกับอาการแบบคุณ

ยากลุ่มต่าง ๆ ที่ใช้รักษากรดไหลย้อน

อาการกรดไหลย้อนมีตั้งแต่อาการเล็กน้อย เช่น แสบร้อนกลางอกหลังอาหารไปจนถึงอาการเรื้อรัง เช่น ไอแห้งเรื้อรัง เสียงแหบ กลืนลำบาก ยาแต่ละชนิดจะเหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และควรใช้ให้เหมาะกับอาการจริง ๆ

1. ยาป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นหลอดอาหาร: ออกฤทธิ์เร็ว ใช้บรรเทาเฉพาะหน้า

สลับชั้นเจลลอยตัวอยู่เหนือของเหลวในกระเพาะอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ช่วยให้อาการดีขึ้นทันที เหมาะสำหรับใช้เมื่อมีอาการเฉียบพลัน เช่น เรอเปรี้ยว แสบร้อนกลางอกหลังมื้ออาหาร
ตัวอย่างยา Gaviscon, Algycon
  • Sodium alginate
  • Sodium bicarbonate
  • Calcium carbonate
ข้อควรรู้
  • ออกฤทธิ์เร็ว แต่ไม่รักษาสาเหตุที่แท้จริง
  • อาจมีผลข้างเคียง เช่น ท้องเสีย หรือท้องผูก คลื่นไส้อาเจียน


2. ยาลดการหลั่งกรดกลุ่ม H2 Blockers ช่วยลดการหลั่งกรดจากกระเพาะอาหาร

ตัวอย่างยา
  • Famotidine
  • (ชื่อเดิมในกลุ่มนี้ เช่น Ranitidine เคยใช้แพร่หลาย แต่ถูกถอนออกในหลายประเทศแล้ว)
ข้อควรรู้
  • ใช้เพื่อควบคุมอาการระยะสั้น
  • อาจเกิดดื้อยาได้หากใช้ต่อเนื่องนานเกินไป
  • ลดการหลั่งได้ระดับหนึ่ง

3. ยาควบคุมกรดกลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs)

กลุ่มยาหลักที่ใช้ในการรักษากรดไหลย้อนเรื้อรัง ช่วยยับยั้งการสร้างกรดจากต้นทาง จึงมีประสิทธิภาพสูง และออกฤทธิ์ได้ยาวนาน

ตัวอย่างยา
  • Omeprazole
  • Esomeprazole
  • Pantoprazole
  • Lansoprazole
  • Rabeprazole
ข้อควรรู้
  • ใช้สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรัง เช่น เป็นมากกว่า 2–3 ครั้ง/สัปดาห์
  • ต้องกินต่อเนื่องอย่างมีแผน หยุดกินเองทันทีอาจทำให้อาการแย่ลง
  • ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อประเมินระยะเวลาที่เหมาะสม


ใช้ยาอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลจริง

แม้ยาจะหาซื้อได้ง่ายในร้านขายยา แต่การใช้โดยไม่มีแพทย์ประเมิน อาจทำให้...
  • รักษาไม่ตรงสาเหตุ
  • ได้ผลไม่เต็มที่
  • ใช้ยาซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น
  • มีผลข้างเคียง เช่น แร่ธาตุผิดปกติ หรือกระดูกพรุนหากใช้ PPIs นานเกินไป

“ยาทุกชนิดมีบทบาทต่างกัน ไม่ใช่แค่ชื่อที่ต่าง แต่ต้องใช้ในเวลาที่เหมาะกับอาการและร่างกายของแต่ละคน และที่สำคัญ ต้องรู้ว่าอาการนั้นเกิดจาก ‘กรดไหลย้อนจริง ๆ’ หรืออาจมีโรคอื่นร่วมด้วย”

ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตั
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 21/09/2025

แพทย์ผู้เขียน

นพ. ฉัตรชัย เกรียงกิรากูร

img

ความถนัดเฉพาะทาง

แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร

ความถนัดเฉพาะทางอื่น

-

ภาษาสื่อสาร

ไทย, อังกฤษ

ติดต่อเรา

โปรแกรมอื่นๆ