ปวดท้องขวาบนบ่อยๆ ระวัง! ถุงน้ำดีอักเสบ
คุณเคยรู้สึกปวดท้องบริเวณชายโครงขวาบ่อยๆ หรือไม่? โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารมันๆ หรือมื้อใหญ่ๆ หลายคนอาจมองข้ามอาการนี้ว่าเป็นเพียงอาการท้องอืดธรรมดา แต่รู้หรือไม่ว่า อาการปวดท้องขวาบนบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคถุงน้ำดีอักเสบ โรคที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิตได้
ถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบของถุงน้ำดี อวัยวะขนาดเล็กทรงลูกแพร์ที่อยู่ใต้ตับ มีหน้าที่กักเก็บน้ำดีที่ตับผลิตขึ้น เพื่อช่วยในการย่อยอาหารประเภทไขมัน เมื่อน้ำดีถูกส่งผ่านถุงน้ำดีไปยังลำไส้เล็ก จะช่วยให้ร่างกายย่อยไขมันได้ดีขึ้น หากเกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี ไม่ว่าจะจากนิ่ว เนื้องอก หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ จะทำให้น้ำดีไหลเวียนไม่ได้ น้ำดีจึงค้างอยู่ในถุงน้ำดี ส่งผลให้เกิดการอักเสบและบวมตามมา
สาเหตุหลักของถุงน้ำดีอักเสบ คือ นิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของไขมันและเกลือในน้ำดี เมื่อนิ่วไปอุดตันทางออกของถุงน้ำดี น้ำดีจึงขังและเกิดการอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น
ถุงน้ำดีอักเสบเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หากมีอาการปวดท้องด้านขวาบนบ่อยๆ หลังรับประทานอาหารมันๆ หรือมีอาการร่วมกับไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง อย่าปล่อยให้อาการเรื้อรัง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หมั่นสังเกตอาการของตนเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารไขมันสูง และตรวจสุขภาพประจำปี จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคถุงน้ำดีอักเสบได้ในระยะยาว
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
โรคถุงน้ำดีอักเสบคืออะไร
ถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) คือ ภาวะที่เกิดการอักเสบของถุงน้ำดี อวัยวะขนาดเล็กทรงลูกแพร์ที่อยู่ใต้ตับ มีหน้าที่กักเก็บน้ำดีที่ตับผลิตขึ้น เพื่อช่วยในการย่อยอาหารประเภทไขมัน เมื่อน้ำดีถูกส่งผ่านถุงน้ำดีไปยังลำไส้เล็ก จะช่วยให้ร่างกายย่อยไขมันได้ดีขึ้น หากเกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี ไม่ว่าจะจากนิ่ว เนื้องอก หรือสิ่งกีดขวางอื่นๆ จะทำให้น้ำดีไหลเวียนไม่ได้ น้ำดีจึงค้างอยู่ในถุงน้ำดี ส่งผลให้เกิดการอักเสบและบวมตามมา
สาเหตุ
สาเหตุหลักของถุงน้ำดีอักเสบ คือ นิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของไขมันและเกลือในน้ำดี เมื่อนิ่วไปอุดตันทางออกของถุงน้ำดี น้ำดีจึงขังและเกิดการอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น- เนื้องอกที่กดทับหรืออุดตันทางเดินน้ำดี
- การติดเชื้อในกระแสเลือด
- ภาวะเลือดไปเลี้ยงถุงน้ำดีไม่เพียงพอ เช่น หลังผ่าตัดใหญ่หรืออุบัติเหตุ
- ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- การอดอาหารเป็นเวลานาน หรือได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดเป็นเวลานาน
อาการของถุงน้ำดีอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่
- ปวดท้องบริเวณด้านขวาบน หรือลิ้นปี่
- ปวดร้าวไปที่หลังหรือหัวไหล่ขวา
- อาการปวดมักเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารไขมันสูง หรือมื้อใหญ่ๆ
- ปวดท้องแบบเสียด ตุบๆ หรือบีบแน่น และอาจปวดนานเกิน 30 นาที
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- มีไข้ หรือรู้สึกหนาวสั่น
- ในบางรายอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หากมีภาวะน้ำดีอุดตันรุนแรง
การวินิจฉัยโรค
แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายโดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง ตรวจเลือดเพื่อดูสัญญาณการอักเสบและติดเชื้อ รวมถึงอาจสั่งตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง หรือซีทีสแกน เพื่อดูการอักเสบ นิ่ว หรือสิ่งกีดขวางในถุงน้ำดีอย่างละเอียดการรักษา
เป้าหมายของการรักษาคือ ควบคุมการติดเชื้อและอักเสบในถุงน้ำดี วิธีการรักษาหลัก ได้แก่- การให้ยาปฏิชีวนะเพื่อควบคุมการติดเชื้อ
- การงดอาหารและน้ำในระยะแรก เพื่อให้ถุงน้ำดีได้พัก พร้อมให้สารน้ำทางหลอดเลือด
- การใช้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการ
- ในกรณีที่อาการรุนแรงหรือเรื้อรัง แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก (Cholecystectomy) ซึ่งปัจจุบันนิยมผ่าตัดผ่านกล้อง ทำให้แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
- หากไม่สามารถผ่าตัดได้ อาจต้องเจาะระบายน้ำดีออกจากถุงน้ำดีชั่วคราว
- ในบางกรณีที่มีนิ่วอุดตันในท่อน้ำดีร่วมด้วย อาจต้องส่องกล้อง (ERCP) เพื่อนำนิ่วออก
ถุงน้ำดีอักเสบเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หากมีอาการปวดท้องด้านขวาบนบ่อยๆ หลังรับประทานอาหารมันๆ หรือมีอาการร่วมกับไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง อย่าปล่อยให้อาการเรื้อรัง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หมั่นสังเกตอาการของตนเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารไขมันสูง และตรวจสุขภาพประจำปี จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคถุงน้ำดีอักเสบได้ในระยะยาว
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 0-2265-7777
ศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 04/09/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. วราวุฒิ บูรณวุฒิ

ความถนัดเฉพาะทาง
แพทย์ทางด้านโรคระบบทางเดินอาหาร