- ข้อมูลสุขภาพ
- โรคและการรักษา
- ท้องเสียบ่อย แค่ไหนที่ควรเริ่มกังวล? ทำความรู้จักโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง น่าจะเป็นลำไส้แปรปรวน?
ท้องเสียบ่อย แค่ไหนที่ควรเริ่มกังวล? ทำความรู้จักโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง น่าจะเป็นลำไส้แปรปรวน?
เคยไหม? หลังกินอาหารก็มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเหลวทันที หรือแค่เจองานด่วน ๆ ประชุมสำคัญ ๆ ความเครียดเข้ามาจู่โจม ลำไส้ก็เริ่มปั่นป่วน ถ่ายไม่หยุดโดยไม่มีเหตุชัดเจน หลายคนอาจคิดว่า “เครียดแล้วปวดท้อง” หรือ “ธาตุอ่อน” แต่ถ้าหากมีอาการแบบนี้เกิดซ้ำ ๆ โดยไม่มีโรคทางกาย ร่างกายของคุณอาจกำลังตอบสนองต่อความเครียดผิดปกติและนั่นอาจเป็นสัญญาณของ "โรคลำไส้แปรปรวน" (IBS – Irritable Bowel Syndrome) ได้ ในวันนี้โรงพยาบาลวิชัยยุทธจะพาไปดูว่าท้องเสีย ปวดบิด ปวดท้อง แสบท้อง ไปจนถึงอาเจียน เกิดจากอะไร และมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร เพื่อให้ทุกคนได้ดูแลตัวเอง และป้องกันปัญหาดังกล่าว
• ท้องเสียบ่อย
• ปวดท้องเสียด
• แน่นท้อง
• ถ่ายเหลวตอนเช้า
• เครียดแล้วปวดบิด
โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญความเครียดเป็นประจำ
ลำไส้มีระบบประสาทเฉพาะตัวจนบางครั้งถูกเรียกว่า “สมองที่สอง” และมันเชื่อมโยงกับสมองส่วนกลางผ่าน เส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve) เมื่อสมองรับรู้ถึงความเครียด ความกังวล หรือแรงกดดัน สัญญาณจะถูกส่งตรงไปยังลำไส้ทันที ลำไส้จึงบีบตัวแรง เคลื่อนตัวเร็ว และตอบสนองมากกว่าปกติ
ผลลัพธ์คือ — ปวดบิด ถ่ายเหลว แน่นท้อง โดยไม่เกี่ยวกับอาหารหรือการติดเชื้อใด ๆ
• ปวดท้องช่วงที่เครียดหรืออยู่ในสถานการณ์กดดัน
• ถ่ายบ่อย
• อาการเกิดซ้ำในสถานการณ์คล้ายเดิม เช่น ก่อนสอบ ก่อนพรีเซนต์งาน
ถ้าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ควรเข้ารับการประเมินกับแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินอาหาร เพื่อวินิจฉัยแยกโรค และวางแผนดูแลให้ตรงจุดตั้งแต่เนิ่น ๆ
เดินเบา ๆ หายใจลึก ฟังเพลง หรือพักระหว่างวัน
2. ลดอาหารกระตุ้น
หลีกเลี่ยงกาแฟ ชา นมวัว ของหมักดอง และแอลกอฮอล์
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
นอนและตื่นให้ตรงเวลา เพื่อปรับจังหวะการทำงานของลำไส้
4. ขยับร่างกายทุกวัน
แค่เดินหลังอาหาร 15–30 นาที ก็ช่วยบรรเทาอาการได้
5. อย่าปล่อยให้เรื้อรัง
ยิ่งวินิจฉัยเร็ว ยิ่งวางแผนดูแลได้ดี และลดความเสี่ยงในอนาคต
สารบัญ
- ท้องเสียแบบไหนเรียกว่า "ท้องเสียเฉียบพลัน"?
- ปวดท้อง ท้องเสีย เกิดจากอะไร? (สาเหตุที่พบบ่อยที่คุณควรรู้)
- ท้องเสียเฉียบพลัน แก้ยังไง?
- ปวดท้องแบบไหนที่น่ากังวล?
- ท้องเสีย ปวดท้องแบบไหนอันตราย? (สัญญาณเตือนที่ต้องรีบหาหมอ)
- แพทย์วินิจฉัยและรักษาอาการท้องเสียเฉียบพลันอย่างไร?
- โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) คืออะไร?
- เข้าใจ “สมอง–ลำไส้เชื่อมกัน”
- สัญญาณแบบไหน…ที่ควรพบแพทย์?
- 5 วิธีดูแลตัวเองเมื่อรู้ว่าลำไส้ไวต่อความเครียด
- วิธีป้องกันอาการท้องเสียเฉียบพลัน
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการท้องเสีย (FAQ)
ท้องเสียแบบไหนเรียกว่า "ท้องเสียเฉียบพลัน"?
ท้องเสียเฉียบพลัน เป็นภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลวหรือถ่ายเหลวมากกว่าปกติ โดนปกติแล้วหมายถึง 3 ครั้งขึ้นไปภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นไม่เกิน 14 วัน ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องร่วมด้วย และอาจมีอาการปวดบิด คลื่นไส้อาเจียนตามมา การแยกอาการท้องเสียเฉียบพลันออกจากภาวะเรื้อรังมีความสำคัญในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาปวดท้อง ท้องเสีย เกิดจากอะไร? (สาเหตุที่พบบ่อยที่คุณควรรู้)
สาเหตุหลักของอาการปวดท้อง ท้องเสียเฉียบพลันและมีอาการอาเจียนร่วมด้วย มักมาจากการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่ปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำดื่ม จนเกิดเป็นอาหารเป็นพิษ อาการที่พบบ่อยคือท้องเสีย ปวดบิด และบางรายอาจมีแสบท้องร่วมด้วย ทั้งนี้ ท้องเสียเฉียบพลัน มักเป็นการติดเชื้อที่หายได้เอง แต่ก็ต้องระวังภาวะภาวะขาดน้ำที่อาจตามมาท้องเสียเฉียบพลัน แก้ยังไง?
เมื่อเกิดอาการท้องเสียเฉียบพลัน หลักการวิธีแก้ที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันภาวะขาดน้ำและการให้ทางเดินอาหารได้พัก
ดื่มอะไรทดแทนน้ำและเกลือแร่?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดื่มเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไปจากการถ่ายเหลวและท้องเสีย อาเจียน การจิบเกลือแร่ (ORS) ทีละน้อยแต่บ่อยครั้งจะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำได้ดีกว่าการดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมากครั้งเดียวควรกินอะไร และห้ามกินอะไร?
ควรเน้นอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือซุปใส และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน นม และผลิตภัณฑ์จากนมชั่วคราว เพื่อให้ลำไส้ได้ฟื้นตัว การป้องกันการระคายเคืองต่อลำไส้จึงเป็นส่วนหนึ่งของการรักษายาแก้ท้องเสีย/ยาหยุดถ่าย ควรใช้เมื่อไหร่?
ยาแก้ท้องเสียหรือยาหยุดถ่าย เช่น Loperamide สามารถใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องเสียในผู้ใหญ่ที่ไม่มีอาการรุนแรง แต่ควรปรึกษาแพทย์ทางเดินอาหารก่อนใช้ โดยเฉพาะหากมีไข้สูงหรือถ่ายเป็นเลือด เพราะในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง การใช้ยาหยุดถ่ายอาจทำให้เชื้อโรคค้างอยู่ในลำไส้นานขึ้นและอาการแย่ลงได้ปวดท้องแบบไหนที่น่ากังวล?
เปรียบเทียบระหว่างปวดบิด vs แสบท้อง อาการปวดบิดมักสัมพันธ์กับการบีบตัวของลำไส้เพื่อขับเชื้อโรคและอุจจาระ ส่วนแสบท้อง ท้องเสีย อาจบ่งชี้ถึงการอักเสบที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้ส่วนต้นร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดท้องรุนแรงมากผิดปกติ ควรรีบไปโรงพยาบาลหรือแผนกฉุกเฉินทันทีท้องเสีย ปวดท้องแบบไหนอันตราย? (สัญญาณเตือนที่ต้องรีบหาหมอ)
อาการท้องเสีย ปวดท้องที่เป็นสัญญาณอันตรายและต้องรีบพบแพทย์ทางเดินอาหารทันที ได้แก่- การมีไข้สูง
- ถ่ายเป็นเลือดหรือมีมูกเลือด
- อาการของภาวะขาดน้ำรุนแรง เช่น ปากแห้ง ผิวหนังเหี่ยว ซึมลง
- คลื่นไส้ อาเจียนไม่หยุดจนดื่มน้ำไม่ได้
- อาการปวดท้องบิดที่รุนแรงมากจนทนไม่ไหว
แพทย์วินิจฉัยและรักษาอาการท้องเสียเฉียบพลันอย่างไร?
แพทย์จะซักประวัติอย่างละเอียดเกี่ยวกับการท้องเสียเฉียบพลัน เช่น- จำนวนครั้ง
- ความรุนแรงของปวดท้อง ท้องเสีย
- ความเสี่ยงในการได้รับเชื้อแบคทีเรีย
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) คืออะไร?
ลำไส้แปรปรวน คือภาวะที่ลำไส้ทำงานผิดจังหวะโดยไม่มีความผิดปกติที่ตรวจพบได้ เอกซเรย์หรือส่องกล้องก็อาจดูปกติดี แต่อาการที่เกิดขึ้นกลับรบกวนชีวิตจริง เช่น• ท้องเสียบ่อย
• ปวดท้องเสียด
• แน่นท้อง
• ถ่ายเหลวตอนเช้า
• เครียดแล้วปวดบิด
โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญความเครียดเป็นประจำ
เข้าใจ “สมอง–ลำไส้เชื่อมกัน”
ทำไมความเครียดส่งผลถึงระบบย่อยอาหาร?ลำไส้มีระบบประสาทเฉพาะตัวจนบางครั้งถูกเรียกว่า “สมองที่สอง” และมันเชื่อมโยงกับสมองส่วนกลางผ่าน เส้นประสาทเวกัส (Vagus nerve) เมื่อสมองรับรู้ถึงความเครียด ความกังวล หรือแรงกดดัน สัญญาณจะถูกส่งตรงไปยังลำไส้ทันที ลำไส้จึงบีบตัวแรง เคลื่อนตัวเร็ว และตอบสนองมากกว่าปกติ
ผลลัพธ์คือ — ปวดบิด ถ่ายเหลว แน่นท้อง โดยไม่เกี่ยวกับอาหารหรือการติดเชื้อใด ๆ
สัญญาณแบบไหน…ที่ควรพบแพทย์?
• ถ่ายเหลวเกือบทุกเช้า หรือก่อนออกจากบ้าน• ปวดท้องช่วงที่เครียดหรืออยู่ในสถานการณ์กดดัน
• ถ่ายบ่อย
• อาการเกิดซ้ำในสถานการณ์คล้ายเดิม เช่น ก่อนสอบ ก่อนพรีเซนต์งาน
ถ้าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ควรเข้ารับการประเมินกับแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินอาหาร เพื่อวินิจฉัยแยกโรค และวางแผนดูแลให้ตรงจุดตั้งแต่เนิ่น ๆ
5 วิธีดูแลตัวเองเมื่อรู้ว่าลำไส้ไวต่อความเครียด
1. จัดการความเครียดในแบบของคุณเดินเบา ๆ หายใจลึก ฟังเพลง หรือพักระหว่างวัน
2. ลดอาหารกระตุ้น
หลีกเลี่ยงกาแฟ ชา นมวัว ของหมักดอง และแอลกอฮอล์
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
นอนและตื่นให้ตรงเวลา เพื่อปรับจังหวะการทำงานของลำไส้
4. ขยับร่างกายทุกวัน
แค่เดินหลังอาหาร 15–30 นาที ก็ช่วยบรรเทาอาการได้
5. อย่าปล่อยให้เรื้อรัง
ยิ่งวินิจฉัยเร็ว ยิ่งวางแผนดูแลได้ดี และลดความเสี่ยงในอนาคต
วิธีป้องกันอาการท้องเสียเฉียบพลัน
การป้องกันอาการท้องเสียเฉียบพลันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยที่ดี เริ่มจากการล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนรับประกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ รวมถึงการเลือกรับประกินอาหารปรุงสุกใหม่และสะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่เก็บไว้นานหรือสงสัยว่าไม่ถูกสุขอนามัย การปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้มากคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการท้องเสีย (FAQ)
ท้องเสียเฉียบพลันกับเรื้อรังต่างกันอย่างไร?
ท้องเสียเฉียบพลัน คือ ภาวะที่มีอาการท้องเสียไม่เกิน 14 วัน สาเหตุหลักมักมาจากการติดเชื้อหรืออาหารเป็นพิษ ในขณะที่ท้องเสียเรื้อรังจะมีอาการนานเกิน 4 สัปดาห์ ซึ่งอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ เช่น ลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือภาวะอักเสบในลำไส้ จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ทางเดินอาหารเพื่อหาสาเหตุอาการ "แสบท้อง ท้องเสีย" บ่งบอกถึงโรคอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?
อาการแสบท้อง ท้องเสียอาจบ่งบอกถึงภาวะกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ หรืออาจเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อที่ทำให้ท้องเสียเฉียบพลัน หากมีอาการแสบท้องบ่อยและเรื้อรัง ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยกับแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียดศูนย์รักษา: ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ
วัน/เดือน/ปี ที่โพสต์: 08/08/2025
แพทย์ผู้เขียน
นพ. เกษม แสงหิรัญวัฒนา
ความถนัดเฉพาะทาง
อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร
ข้อมูลสุขภาพอื่นๆ
โปรแกรมอื่นๆ
-
โปรแกรมส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร ส่วนลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
ราคา 22,000.00 บาท( 32,810.00 บาท )ตั้งแต่วันที่ 01/06/2025 - 31/12/2025 -
โปรแกรมตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ
ราคา 2,200.00 บาท( 4,180.00 บาท )ตั้งแต่วันที่ 01/01/2025 - 31/12/2025 -
โปรแกรมตรวจคัดกรองความผิดปกติของตับ ด้วย FibroScan
ราคา 2,000.00 บาท( 4,750.00 บาท )ตั้งแต่วันที่ 01/12/2025 - 31/12/2025 -
โปรแกรมตรวจหาเชื้อเอชไพโลไร (H.Pylori)
ราคา 3,000.00 บาท( 4,360.00 บาท )ตั้งแต่วันที่ 01/12/2025 - 31/12/2025
-
ติดต่อสอบถาม
0 2265 7777 -
ติดต่อสอบถาม
Facebook Messenger -
ติดต่อสอบถาม
Line





